เหตุกราดยิงมัสยิดไครสต์เชิร์ช ทำให้ฉันเข้ารับอิสลาม

ADMIN

สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: เหตุกราดยิงมัสยิดไครสต์เชิร์ช ทำให้ฉันเข้ารับอิสลาม

เมแกน เลิฟเลดี้ (Megan Lovelady) เป็น 1 ใน 3 คน ที่เปลี่ยนมานับถืออิสลาม หลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงที่มัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ช จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 50 ราย

เมแกน วัย 22 ปี เป็นพนักงานในร้านกาแฟ ครอบครัวของเธออพยพจากรัฐเทนเนสซี่ สหรัฐอเมริกาไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ ตั้งแต่เมื่อเธอมีอายุได้ 7 ขวบ ปัจจุบันหลังเข้ารับอิสลามเธอแต่งกายแบบฮิญาบ และเปลี่ยนมาใช้ชื่อในภาษาอาหรับว่า “นาบิลา” ละหมาดวันละ 5 เวลา เช่นเดียวกับพี่-น้องมุสลิมคนอื่น ๆ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ดำเนินไปอย่างง่ายดายนัก

หลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงได้ 2 สัปดาห์ เมแกน เดินเข้ามายังมัสยิดอัล นูร (สถานที่เกิดเหตุ) เป็นครั้งแรก ซึ่งเธอรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน ณ ที่นี้ ที่เธอจะมาปฏิญาณตนเข้ารับอิสลาม

มันเริ่มจากการที่เธอเพียงต้องการอยากจะช่วย เพราะหลังจากเกิดเหตุกราดยิง เธอได้ข่าวว่า ผู้หญิงมุสลิมในไครสต์เชิร์ช กลัวที่จะต้องออกจากบ้านในขณะที่ต้องแต่งกายฮิญาบ ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจคลุมผม เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้หญิงมุสลิมเหล่านั้น ขณะที่เธอสวมผ้าคลุมผมเดินอยู่ในเมือง เธอรู้สึกว่ามีคนมองเธอมากกว่าปกติ แต่ในใจของเธอคาดหวังว่า การคลุมผมของเธออาจจะเป็นการสนับสนุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้คนยอมรับว่าการคลุมผมนั้นเป็นเรื่องปกติ

หนึ่งสัปดาห์หลังจากเกิดเหตุกราดยิง มีการจัดละหมาดวันศุกร์ที่สวนสาธารณะแฮกลี่ย์ ซึ่งอยู่ใกล้มัสยิดอัล นูร เมแกน ขอเลิกงานก่อนเวลาเพื่อไปเข้าร่วมเฝ้าระวังให้กับชาวมุสลิม ร่วมกับคนอื่น ๆ อีกหลายพันคน เธอเล่าว่า เมื่อเธอได้ยินอิหม่ามท่องอัล-กุรอาน เธอรู้สึกว่ามันน่าทึ่งมาก

“เหมือนมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในอกของฉัน” เธอกล่าวและเล่าว่า เธอเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนแต่ไม่ระทึกเท่าครั้งนี้ ตอนนั้นเธออายุได้ 15 ปี และเข้ารับศีลในโบสถ์คริสต์ “ตอนนั้น ฉันรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังงานรอบ ๆ หัวใจ แต่มันไม่รุนแรงเท่าในครั้งนี้”

เมื่อถึงตอนที่ผู้ละหมาดต้องคุกเข่าลงพร้อม ๆ กัน เมแกน กล่าวว่า นี่เป็นภาพที่มีพลังต่ออารมณ์ของเธออย่างมาก จนทำให้เธออยากจะเข้าร่วมอธิษฐานด้วย แต่เธอไม่รู้วิธี เธอจึงได้แต่ยืนมองและน้ำตาไหล

เมแกนอยากรู้จักอิสลามให้มากขึ้น รวมทั้งยังมีความต้องการที่จะช่วยเหลือชุมชนมุสลิม ที่ต้องทนทุกข์ทรมานหลังจากการถูกโจมตีครั้งนั้น เธอไปยังศูนย์ที่รวบรวมความช่วยเหลือเพื่อจะสอบถามว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่ไม่เห็นคนคลุมฮิญาบที่พอจะสอบถามได้ เธอจึงสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าอยู่ด้านนอก พอตำรวจบอกว่า ถ้าจะช่วยก็ให้เข้าไปข้างในได้เลย นั่นทำให้เธอรู้สึกว่า มันช่างง่ายดายอะไรขนาดนั้น เมื่อเธอเข้าไปด้านในทั้ง ๆ ที่คลุมผมอยู่ เธอถูกใคร ๆ เรียกว่า Sister ซึ่งเธอรู้สึกว่า มันงดงามมาก

เมื่อเสร็จจากการช่วยเตรียมอาหารในครัว มีหญิงคนหนึ่งมาถามว่า เธอต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับอัล-กุรอานให้มากขึ้นไหม ซึ่งเธอตอบรับโดยทันที เมแกนเล่าว่า ที่ผ่านมา เธอมักจะกระตือรือร้นที่จะหาความรู้เกี่ยวกับศาสนาอื่น ไม่ใช่เพื่อจะไปศรัทธา แต่เป็นเพราะความสนใจในข้อมูลต่าง ๆ

ตลอดเวลาที่หญิงคนนั้นพูดเกี่ยวกับอัล-กุรอาน เกี่ยวกับหลักศรัทธาต่าง ๆ เมแกน รู้สึกตลอดเวลา ว่า ทุกอย่างสมเหตุสมผล “ฉันก็เชื่อเช่นนั้น ฉันเข้าใจ ฉันเห็นด้วยทุกประการ”

มีคนให้ อัล-กุรอาน เล่มแรกกับเธอ เธอเฝ้าอ่านซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า และเวียนกลับไปที่ศูนย์ช่วยเหลืออยู่เรื่อย ๆ และแล้ววันหนึ่ง ศูนย์ช่วยเหลือ ฯ ก็ปิดตัวลง ด้วยความที่เธออยากพบเพื่อน ๆ ที่เคยรู้จักที่นั้น เธอจึงไปยังมัสยิดอัล-นูร ในตอนนั้นเธอยังไม่รู้สึกอยากเป็นมุสลิม แต่เธอมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

วันที่ 2 เมษายน 2019 เมแกนเข้าไปยังมัสยิดอัล-นูร เป็นครั้งแรก เธอพบว่า มีคนอื่นอีก 2 คน กำลังถามคำถามพี่-น้องมุสลิมคนหนึ่งอยู่ เธอจึงเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเขา “เมื่อฉันถามคำถามและแสดงความสนใจมากขึ้น ขายคนที่ตอบคำถามหันมาถามด้วยเสียงที่มีเมตตา ว่า ทำไมคุณไม่มาเป็นมุสลิมล่ะ?”

“และนั่นเป็นวันที่ฉันกล่าวปฏิญาณตนเข้ารับอิสลาม”

ที่มา: www.themuslimah.org

https://news.muslimthaipost.com/news/35051