กลลวงของชัยฏอน 7 ประการ และวิธีการโต้ตอบ

ADMIN

#กลลวงของชัยฏอน

รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เป็นประโยคที่เราคงเคยได้ยินเพราะเป็นกลยุทธ์ในการทำสงครามเพื่อพิชิตศัตรู อัลลอฮฺเรามาในโลกดุนยานี้เพื่อทำสงครามสู้รบกับชัยฏอนผู้เป็นศัตรูของเราตลอดกาล ดังนั้นการรู้กลลวงของชัยฏอนจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเราจะได้ต่อสู้และหาทางแก้ในทุกกลลวงของมัน
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวถึงหนทางที่ชัยฏอนจะทำการหลอกลวงผู้ศรัทธาในเรื่องของการฏออัตภักดีนั้นมี 7 กลลวงด้วยกันตามลำดับขั้นตอนพร้อมวิธีแก้ดังนี้:

1. ชัยฏอนมันจะยับยั้งท่านไม่ให้ทำอิบาดะฮ์

ดังนั้นถ้าหากอัลลอฮฺทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็ดลใจให้ท่านตอบโต้ชัยฏอนว่า “แท้จริงฉันต้องการปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์อย่างมาก เนื่องจากฉันจำเป็นต้องสะสมเสบียงจากโลกดุนยาที่ไม่จีรังเพื่อโลกอาคิเราะฮ์อันนิรันดร”

2. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถใช้กลลวงหลอกล่อมิให้ท่านทำอิบาดะฮ์ได้ มันก็จะใช้ให้ท่านผัดวันประกันพรุ่ง

ดังนั้นถ้าหากอัลลอฮฺทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านตอบโต้ชัยฏอนว่า “กำหนดเวลาตายของฉันมิได้อยู่ในอำนาจของฉัน แต่อยู่ในการกำหนดของอัลลอฮฺ ฉะนั้นถ้าหากฉันผัดวันประกันพรุ่งการปฏิบัติอิบาดะฮ์ของวันนี้ไปทำในวันพรุ่งนี้ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้ทำ?

3. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถใช้กลลวงให้ท่านผัดวันประกันพรุ่งในการทำอิบาดะฮ์ได้ มันก็จะใช้ให้ท่านทำอิบาดะฮ์อย่างเร่งรีบ กล่าวคือมันจะกล่าวว่า ท่านจงรีบทำแบบเร็วๆ! ท่านจงรีบทำแบบเร็วๆ! เพื่อจะได้ไปทำงานนั้นทำงานนี้ต่อไป

ดังนั้นถ้าหากอัลลอฮฺทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านตอบโต้ชัยฏอนว่า “อะมัลที่น้อยพร้อมกับมีความประณีตและสมบูรณ์นั้นย่อมดีกว่าอะมัลที่มากมายแต่มีความบกพร่อง”

4. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถใช้กลลวงให้ท่านรีบทำอิบาดะฮ์ในรูปแบบดังกล่าว มันก็จะใช้ให้ท่านทำอิบาดะฮ์อย่างสมบูรณ์ มีความประณีต และพิถีพิถัน เพื่อให้ท่านมีความรู้สึกอยากโอ้อวดผู้คนทั้งหลายได้รับรู้ถึงอิบาดะฮ์และผลงานของท่าน

ดังนั้นถ้าหากอัลลอฮฺทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านโต้ตอบชัยฏอนว่า “ยังไม่เพียงพออีกหรือที่อัลลอฮฺทรงเห็นฉัน”

5. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถทำให้ท่านโอ้อวดได้ มันก็จะพยายามใช้กลลวงให้ท่าน มีความรู้สึกลำพองคน รู้สึกว่าตนเองทำสมบูรณ์แล้ว และรู้สึกว่าตนเองไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ดังนั้นชัยฏอนก็จะพยายามกระซิบกระซาบในจิตใจของท่านว่า “ท่านช่างมีเกียรติจริงๆ” และ “ท่านช่างประเสริฐเหลือเกิน”

ดังนั้นถ้าหากอัลลอฮฺทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านโต้ตอบชัยฏอนว่า “เกียรติและความประเสริฐนั้นเป็นความโปรดปรานจากอัลเลาะฮ์ไม่ใช่มาจากตัวของฉัน ดังนั้นพระองค์ต่างหากเล่าที่ชี้ทางนำและทำให้อะมัลของฉันมีคุณค่าด้วยความโปรดปรานของพระองค์ และหากไม่มีความโปรดปรานของพระองค์แล้วไซร้ อะมัลที่ฉันทำนี้ก็จะไม่มีคุณค่าอะไร”

6. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถทำให้ท่านมีความรู้ลำพองตนและคิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่น มันก็จะมาลวงท่านด้วยกลยุทธ์ที่ร้ายกาจมากที่สุด ซึ่งผู้ที่มีหัวใจตื่นด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นจะตระหนักรู้ถึงกลลวงนี้ได้ ก็คือ ชัยฏอนจะกระซิบกระซาบในจิตใจของท่านว่า “ท่านจงหมั่นเพียรปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ในที่ลับตาผู้คนทั้งหลายซิ เพราะต่อไปอัลเลาะฮ์ตะอาลาจะทรงเปิดเผยอะมัลนั้นให้ผู้อื่นได้รับรู้เอง”

คือชัยฏอนมันต้องการให้ท่านได้มีความรู้สึกโอ้อวดและอยากให้ผู้อื่นเห็นอิบาดะฮ์ที่ท่านกระทำถึงแม้ว่าจะทำอิบาดะฮ์ในที่ลับตาคนก็ตาม

ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะฮ์ทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านตอบโต้ชัยฏอนว่า “โอ้ เจ้าผู้ถูกสาปแช่ง เจ้าเคยมาหาฉันด้วยกลลวงต่างๆ เพื่อทำลายอิบาดะฮ์ของฉัน แต่ตอนนี้เจ้ามาหาฉันด้วยกลลวงให้ฉันทำความดี แต่จริงๆ แล้วเจ้าต้องการทำลาย แต่ความจริงแล้วฉันคือบ่าวอัลลอฮฺ และพระองค์คือเจ้านายของฉัน หากพระองค์ทรงประสงค์ที่จะเปิดเผยอะมัลอิบาดะฮ์ของฉัน แน่นอนพระองค์ก็จะทรงเปิดเผยมันให้ผู้อื่นได้รับทราบ และถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ที่จะซ่อนเร้นมันไว้ พระองค์ก็จะทรงปกปิดมันมิให้คนอื่นเห็น และหากพระองค์ทรงประสงค์ให้ฉันมีเกียรติ พระองค์ก็จะทำให้ฉันเป็นผู้มีเกียรติ และหากพระองค์ทรงประสงค์ให้ตกต่ำ พระองค์ก็จะทำให้ฉันไร้เกียรติ และดังกล่าวทั้งหมดนั้นฉันขอมอบหมายยังอัลลอฮฺ ซึ่งฉันไม่สนใจหรอกว่า พระองค์จะเปิดเผยมันแก่ผู้คนทั้งหลายหรือว่าจะซ่อนเร้นมัน เพราะมนุษย์ไม่สามารถให้คุณและให้โทษแก่ฉันได้หรอก”

7. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถหลอกลวงท่านได้ มันก็จะมาหลอกลวงท่านด้วยกลยุทธ์ที่ 7 โดยมันจะกระซิบกระซาบกล่าวแก่ท่านในหัวใจว่า
“ท่านไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์นี้แล้ว เพราะความเป็นจริงแล้ว หากท่านถูกสร้างมาโดยที่อัลลอฮฺทรงรู้มาแต่เดิมแล้วว่าท่านเป็นชาวสวรรค์ แน่นอนว่าการละทิ้งอะมัลของท่านก็จะไม่ทำให้เกิดโทษหรอก (เพราะได้เข้าสวรรค์อยู่ดี)และหากอัลลอฮฺรู้มาแต่เดิมแล้วว่าท่านเป็นชาวนรก การทำความดีงามก็จะไม่ยังคุณประโยชน์แก่ท่านหรอก(เพราะต้องลงนรกอยู่ดี)”

ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะฮ์ทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะดลใจให้ท่านโต้ตอบชัยฏอนว่า “แท้จริงฉันคือบ่าวของอัลลอฮฺ และจำเป็นบนบ่าวจะต้องปฏิบัติตามคำบัญชาใช้ และอัลลอฮฺนั้นจะทรงกำหนดตามที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่การปฏิบัติอะมัลอิบาดะอ์นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีเสมอไม่ว่าฉันจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพราะหากฉันเป็นชาวสวรรค์ ฉันก็ต้องการปฏิบัติอะมัลดังกล่าวเพื่อเพิ่มพูนผลบุญ และหากฉันเป็นชาวนรก ฉันก็ต้องการปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์อยู่ดี เพื่อฉันจะได้ไม่ต้องมาตำหนิตนเองที่ขัดคำบัญชาใช้ของอัลลอฮฺ แต่การที่ฉันได้เข้านรกโดยฉันฏออัตภักดีในโลกดุนยานี้ ย่อมเป็นที่ปรารถนาสำหรับฉันยิ่งกว่าการเข้านรกโดยฉันฝ่าฝืน

แต่ทว่าสัญญาของอัลเลาะฮ์นั้นสัจจริงเสมอ คือพระองค์ทรงสัญญาว่าการปฏิบัติอิบาดะฮ์นั้นจะได้ผลบุญ ดังนั้นผู้ใดที่พบกับอัลเลาะฮ์ในวันกิยามะฮ์โดยมีอีหม่านและปฏิบัติความดีงาม เขาย่อมไม่เข้านรก แต่เขาจะได้เข้าสวรรค์ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่า

وَقَالُوا الْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِي صَدَقَنَا وَعْدَهُ

“และพวกเขากล่าวว่า มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้ทรงซึ่งสัจจริงแก่พวกเราเกี่ยวกับสัญญาของพระองค์” [อัซซุมัร: 74]”
ดู: อัลฆ่อซาลีย์, มินฮาญุลอาบิดีน, หน้า 92-94

Arifeen Saengwiman Alazhary