อัล-อะมานะฮ์ (ความซื่อสัตย์)

ADMIN

อัล-อะมานะฮ์ (ความซื่อสัตย์)

หุซัยฟะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวถึงสองประการ ซึ่งฉันได้เห็นประการหนึ่งแล้ว (คือการมีอะมานะฮฺ) และกำลังรอคอยอีกประการหนึ่ง (คือความไม่ซื่อสัตย์) ท่านกล่าวว่า

«أَنَّ الْأَمَانَةَ نَزَلَتْ فِي جَذْرِ قُلُوبِ الرِّجَالِ ثُمَّ عَلِمُوا مِنْ الْقُرْآنِ ثُمَّ عَلِمُوا مِنْ السُّنَّةِ» وَحَدَّثَنَا عَنْ رَفْعِهَا قَالَ «يَنَامُ الرَّجُلُ النَّوْمَةَ فَتُقْبَضُ الْأَمَانَةُ مِنْ قَلْبِهِ فَيَظَلُّ أَثَرُهَا مِثْلَ أَثَرِ الْوَكْتِ، ثُمَّ يَنَامُ النَّوْمَةَ فَتُقْبَضُ فَيَبْقَى أَثَرُهَا مِثْلَ الْمَجْلِ، كَجَمْرٍ دَحْرَجْتَهُ عَلَى رِجْلِكَ فَنَفِطَ فَتَرَاهُ مُنْتَبِرًا وَلَيْسَ فِيهِ شَيْءٌ، فَيُصْبِحُ النَّاسُ يَتَبَايَعُونَ فَلَا يَكَادُ أَحَدٌ يُؤَدِّي الْأَمَانَةَ فَيُقَالُ إِنَّ فِي بَنِي فُلَانٍ رَجُلًا أَمِينًا، وَيُقَالُ لِلرَّجُلِ مَا أَعْقَلَهُ وَمَا أَظْرَفَهُ وَمَا أَجْلَدَهُ وَمَا فِي قَلْبِهِ مِثْقَالُ حَبَّةِ خَرْدَلٍ مِنْ إِيمَانٍ»، وَلَقَدْ أَتَى عَلَيَّ زَمَانٌ وَمَا أُبَالِي أَيَّكُمْ بَايَعْتُ لَئِنْ كَانَ مُسْلِمًا رَدَّهُ عَلَيَّ الْإِسْلَامُ وَإِنْ كَانَ نَصْرَانِيًّا رَدَّهُ عَلَيَّ سَاعِيهِ فَأَمَّا الْيَوْمَ فَمَا كُنْتُ أُبَايِعُ إِلَّا فُلَانًا وَفُلَانًا. [رواه البخاري ومسلم]

ความว่า “อะมานะฮฺ (อีมาน) ซึ่งมนุษย์รับผิดชอบที่จะรักษามันไว้นั้น ได้เกิดขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจ ทำให้พวกเขายึดมั่นปฏิบัติตามอัลกุรอานและสุนนะฮฺอย่างเคร่งครัด” และท่านนบีได้พูดเกี่ยวกับการไม่มีอะมานะฮฺของผู้คนว่า “อะมานะฮฺจะออกจากจิตใจทีละนิดๆ ด้วยเวลาที่ไม่นานจนเหลือเพียงร่องรอยบางๆ ในเวลาต่อมาอะมานะฮฺที่เหลืออยู่เพียงร่องรอยก็จะหมดไปอย่างสิ้นเชิง ทิ้งไว้เสมือนรอยบวมของเท้าที่โดนถ่านไฟ เมื่อไม่มีอะมานะฮฺหลงเหลืออยู่เลย พวกเขาก็จะคดโกงกันในการซื้อขาย ผู้คนจะพากันสรรเสริญเยินยอต่อผู้เก่งกาจ ร่ำรวย มีศักดิ์ศรี ทั้งๆ ที่ผู้นั้นไม่มีอีมาน และมีนิสัยชั่วช้า คนดีมีอีมานกลับไม่มีใครสรรเสริญยกย่อง ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ผู้คนมีอะมานะฮฺฉันไม่แยแสว่าจะเป็นใครก็ตามที่ฉันจะทำการซื้อขายกับเขา หากเขาเป็นมุสลิมเขาก็จะสมาคมกับฉันด้วยอิสลาม แต่หากเขาไม่ใช่มุสลิมเขาก็จะสมาคมกับฉันด้วยความสัจจะ แต่มาวันนี้ฉันไม่กล้าที่จะซื้อขายกับใครนอกจากคนที่ฉันเห็นว่าเขามีอะมานะฮฺเท่านั้น”

(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)

อิหม่ามอัฏ-เฏาะบะรอนีย์ได้รายงานหะดีษจากชัดด๊าด บิน เอาส์ เล่าว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า

«أَوَّلُ مَا تَفْقِدُوْنَ مِنْ دِيْنِكُمْ الأَمَانَةُ ، وَآخِرُهُ الصَّلَاةُ» [رواه الطبراني في المعجم]

ความว่า “สิ่งที่จะขาดหายไปจากศาสนาของพวกท่าน คือ ความซื่อสัตย์ และสิ่งสุดท้าย คือ การละหมาด” (บันทึกโดยอัฏ-เฏาะบะรอนีย์)

Cr:อับดุลเลาะห์ ชุ่มจำรัส