12 ข้อปฏิบัติแล้วทำให้ริสกีเพิ่มพูน

ADMIN

ริสกี คือ สิ่งที่อัลลอฮฺให้กับมนุษย์ และสัตว์โลกทั้งหลาย ซึ่งมันไม่ได้หมายถึงปัจจัยยังชีพอย่างเดียว มันรวมถึงอาหารทั้งทางสมอง และทางจิตใจ สิ่งที่เรากลัวที่สุดคือ อัลลอฮฺ(ซบ.) ไม่พอพระทัย และตัดริสกีของเรา ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม เพราะถ้าใครก็ตามที่หมดริสกี นั่นหมายถึง พระองค์ให้เรากลับไปสู่ความเมตตาของพระองค์

เราไม่ควรทำอะไร ที่เป็นการตัดริสกีของตัวเอง โดยไม่รู้ตัว การให้และเมตตา ต่อเพื่อนมนุษย์ และสัตว์โลก เป็นการเพิ่มพูนริสกีอย่างหนึ่งที่ดีมากๆ ของเรา โดยเฉพาะกับผู้ที่มีพระคุณเหนือเรา ผู้ที่ดูแล เลี้ยงดูเรา จ่ายนัฟเกาะห์ให้เรา (นัฟเกาะห์ คือ เงินค่าเลี้ยงดู เช่น พ่อให้ลูก สามีให้ภรรยา) ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ สามี พ่อของลูก หรือใครก็ตามที่มีบุญคุณกับเรา เราต้องขอบคุณอัลลอฮฺ(ซบ.) ให้มากๆ กับสิ่งที่เราได้รับในโลกดุนยา

วิธีแบบไหนที่จะทำให้ชีวิตได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ(ซบ.) อย่างสม่ำเสมอ รายงานวิจัยฉบับนี้ได้รับเกียรติจาก “อ.อับดุลฮามิด ดาราฉาย” นักวิชาการอิสลาม ได้มาแนะนำถึง “12 ข้อ ปฏิบัติแล้วทำให้ริสกีเพิ่มพูน” ซึ่งเป็นการรวบรวมหลักฐานจากอัลกุรอานและหะดีษ

อ.อับดุลฮามิด กล่าวว่า “ชีวิตมนุษย์ในยุค 4.0 มีการดำเนินชีวิตแตกต่างจากคนรุ่นก่อนเหมือนหน้ามือกับหลังมือ คนในปัจจุบันมีปัจจัยที่สำคัญต่อชีวิตทางด้านโซเชียล ซึ่งคนในอดีตใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในโลกมืด สิ่งที่สร้างความกังวลและสับสนให้กับคนที่ได้ใช้การไตร่ตรองครุ่นคิด จะมีคำถามเกิดขึ้นว่า คนในอดีตเรียนจบระดับการศึกษาประถมศึกษา แต่มีทรัพย์สินส่งให้ลูกหลาน ต่างจากคนปัจจุบันที่เรียนจบระดับปริญญาตรี มีเงินเดือนหลักหมื่นยังใช้จ่ายรายเดือนไม่เพียงพอ อะไรคือปัจจัยที่สร้างความพอเพียงให้กับคนรุ่นก่อน และการปฏิบัติตนของคนในอดีตมีหลักการอย่างไร?”

“อัลฮัมดุลิลลาห์ สำหรับบุคคลที่มีหลักคำสอนจากศาสนาและได้นำคำสอนมาสู่การปฏิบัติ เขาจะพบกับสิ่งที่ตนเองก็ไม่เคยคาดคิด สิ่งนั้นคือริสกีที่มาจากอัลลอฮฺ ขอเรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านได้ใช้การมุฮาซะบะห์ ทบทวนตนเองถึงการได้รับริสกีหรือชีวิตของเรายังขาดริสกีที่มาจากอัลลอฮฺหรือไม่? ซึ่งคำสอนที่มาจากกุรอานและหะดีษ ได้กล่าวถึงสาเหตุการได้รับริสกีที่เพิ่มพูนไว้มาก วันนี้ขอนำเสนอ 12 ประการที่ปฏิบัติแล้วจะได้รับริสกีที่เพิ่มพูน

1. เริ่มชีวิตของวันใหม่ตั้งแต่เวลาเช้า
ควรรีบออกทำงาน แสวงหาปัจจัยยังชีพตั้งแต่เวลาเช้าตรู่เพราะท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.) ได้กล่าวความว่า “โอ้พระองค์อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงประทานความมีบารอกะห์ ความจำเริญแก่ประชาชาติของข้าพเจ้าในเวลาเช้าของพวกเขาด้วยเถิด”

2. มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ (ตักวา)
อัลลอฮฺ(ซบ.) ได้ทรงกล่าวความว่า “และผู้ใดยำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงหาทางออกให้แก่เขา และจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาโดยที่เขามิได้คาดคิด” (ซูเราะห์อัฏฏอลาก อายะห์ที่ 2-3)

3.การบริจาคทานให้มาก
อัลลอฮฺ(ซบ.) ได้ทรงกล่าวความว่า “จงกล่าวเถิดว่า แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงแผ่ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ และทรงให้คับแคบแก่เขา และสิ่งใดที่พวกเจ้าบริจาค พระองค์จะทรงทดแทนมัน” (ซูเราะห์สะบะอ์ อายะห์ที่ 39)

4.การยึดมั่นและปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ
อัลลอฮฺ(ซบ.) ได้ทรงกล่าวความว่า “และหากพวกเขาธำรงมั่นอยู่บนแนวทางที่เที่ยงธรรม แน่นอนเรา(อัลลอฮฺ) ก็จะให้พวกเขามีริสกีอย่างกว้างขวาง” (ซูเราะห์อัลญิน อายะห์ที่ 16)

5.การเชื่อมสัมพันธ์กับเครือญาติ
จากท่าน อนัส บินมาลิก ได้กล่าวความว่า “ข้าพเจ้าได้ฟังท่านร่อซูลกล่าวว่า “ใครพอใจที่จะให้ริสกีของเขาเพิ่มพูน และความดีของเขาถูกบันทึกเขาจงเชื่อมสัมพันธ์เครือญาติของเขา”

6.การกล่าวอิสติฆฟารให้มาก
อัลลอฮฺ(ซ.) ได้กล่าวเรื่องของนบีนูฮ์อะลัยฮิสลามความว่า “พวกท่านจงขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกท่านเถิด เพราะแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยโทษอย่างแท้จริง” (10) “พระองค์จะทรงหลั่งน้ำฝนอย่างมากมายแก่พวกท่าน” (11) “และพระองค์จะทรงเพิ่มพูนทรัพย์สินและลูกหลานแก่พวกท่าน และจะทรงทำให้มีสวนมากหลายแก่พวกท่าน และจะทรงทำให้มีลำน้ำมากหลายแก่พวกท่าน” (12) (ซูเราะห์นูห์ อายะห์ที่ 10-13)

7.การสำนึกในเนี๊ยะมะห์
อัลลอฮฺ(ซบ.) ได้ทรงกล่าวว่า “และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของพวกเจ้าได้ประกาศว่า หากพวกเจ้าขอบคุณ ข้าก็จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้า และหากพวกเจ้าเนรคุณ แท้จริงการลงโทษของข้านั้นสาหัสยิ่ง” (ซูเราะห์อิบรอฮีม อายะห์ที่ 7)

8.การอ่านกุรอานทุกวัน
มีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะห์ว่า ท่านรอซูล กล่าวว่า

“ไม่มีกลุ่มชนใดที่ร่วมชุมนุมในบ้านหลังหนึ่งจากบรรดาบ้านของอัลลอฮฺ (มัสยิด) ซึ่งการชุมนุมกันนั้นเพื่ออ่านคัมภีร์ของอัลลอฮฺ และเพื่อเรียนรู้คัมภีร์ของอัลลอฮฺ (อัลกุรอาน) ระหว่างพวกเขา (แต่ละคนก็หาความเข้าใจในอัลกุรอานซึ่งกันและกัน) ไม่มีกลุ่มชนใดทำเรื่องดังกล่าว นอกจากความสงบจะลงมายังพวกเขา ความเอ็นดูเมตตาจะปกคลุมพวกเขา และบรรดามลาอิกะห์จะห้อมล้อมพวกเขา และอัลลอฮฺจะทรงกล่าวถึงนามพวกเขา ณ ผู้ที่อยู่กับพระองค์ (หมายถึง บรรดามลาอิกะห์ผู้ใกล้ชิด)” (บันทึกโดย อิมามอบูดาวูด อิบนุมาญะฮฺ และอะหมัด)

บทเรียนที่ได้รับจากหะดิษคือ “บ้านที่มีการอ่านกุรอาน ความดีจะเกิดขึ้น และบ้านใดที่ไม่มีการอ่านกุรอานความดีจะน้อย”

9.การมอบหมายต่ออัลลอฮฺ
อัลลอฮฺ(ซบ.) ทรงกล่าวความว่า “และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงบรรลุในกิจการของพระองค์โดยแน่นอนสำหรับทุกสิ่งอย่างนั้นอัลลอฮฺทรงกำหนดกฎสภาวะไว้แล้ว” (ซูเราะห์อัฏฏอลาก อายะห์ที่ 3)

10.การปฏิบัติละหมาดและกำชับครอบครัว
อัลอฮฺทรงกล่าวว่า “และเจ้าจงใช้ครอบครัวของเจ้า ให้ทำละหมาด และจงอดทนในการปฏิบัติ เรามิได้ขอเครื่องยังชีพจากเจ้า เราต่างหากเป็นผู้ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้า และบั้นปลายนั้นสำหรับผู้ที่มีความยำเกรง” (ซูเราะห์ฏอฮา อายะห์ที่ 132)

11.การมีเจตนาในการแต่งงาน
ท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.) ได้กล่าวไว้ความว่า “สามประการที่จะได้รับการช่วยเหลือจากอัลลอฮฺคือ หนึ่ง ผู้พลีชีพในหนทางของอัลลอฮฺ สอง บ่าวที่ต้องการไถ่ตนเอง สาม ผู้ที่ต้องการแต่งงาน” (ติรมีซีย์ อะห์มัด)

12.การอพยพในหนทางของอัลลอฮฺ
อัลลอฮฺ(ซบ.) ทรงตรัสความว่า “และผู้ใดที่อพยพไปในทางของอัลลอฮฺเขาก็จะพบในผืนแผ่นดิน ซึ่งสถานที่อพยพไปอันมากมาย และความมั่งคั่งด้วย และผู้ที่ออกจากบ้านของเขาไป ในฐานะผู้อพยพไปยังอัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ แล้วความตายก็มาถึงเขา แน่นอนรางวัลของเขานั้นย่อมปรากฏอยู่แล้ว ณ อัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นเป็นทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ” (ซูเราะห์อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 100)

ขอขอบคุณ อ.อับดุลฮามิด ดาราฉาย
www.thaimuslim.com