มุสลิมไม่ร่วมวาเลนไทน์

ADMIN

#มุสลิมไม่ร่วมวาเลนไทน์
#วาเลนไทน์_เสียอะกีดะฮฺ_เสียศาสนา

? ประการเเรก : วาเลนไทน์เกี่ยวข้องกับอะกีดะฮฺ(หลักความเชื่อ)อย่างไร ?

?คำตอบคือ วันดังกล่าวถูกอุตริขึ้นมาบนพื้นฐานของการบูชาเเละยกย่องนักบุญคนหนึ่งในศาสนาคริสต์ ดังข้อมูลจากวิกิพีเดียเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวันวาเลนไทน์ ดังนี้ :

วันนักบุญวาเลนไทน์ (อังกฤษ: Saint Valentine’s Day) หรือที่มักเรียกว่า วันวาเลนไทน์ (อังกฤษ: Valentine’s Day) ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี วันวาเลนไทน์มีการเฉลิมฉลองในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นประเทศทางตะวันตก แม้จะยังเป็นวันทำงานในทุกประเทศเหล่านั้นก็ตาม

“วันนักบุญวาเลนไทน์” แต่เดิมเป็นเพียงวันฉลองนักบุญในศาสนาคริสต์ยุคแรกที่ชื่อ วาเลนตินัส(แต่นักบุญชื่อนี้มีหลายองค์) ความหมายโรแมนติกโดยในสมัยใหม่นั้นกวีเพิ่มเติมในอีกหลายศตวรรษต่อมาทั้งสิ้น

วันวาเลนไทน์ถูกกำหนดขึ้นครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุสที่ 1 ใน ค.ศ. 496 ก่อนจะถูกลบออกจากปฏิทินนักบุญทั่วไปของโรมัน (General Roman Calendar of saints) ในปี ค.ศ. 1969 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6

วันวาเลนไทน์มาข้องเกี่ยวกับรักแบบโรแมนติกเป็นครั้งแรกในแวดวงสังคมของเจฟฟรีย์ ชอเซอร์ ช่วงกลางสมัยกลาง (High Middle Ages) เมื่อประเพณีรักเทิดทูน (courtly love) เฟื่องฟู จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 วันวาเลนไทน์ได้วิวัฒนามาเป็นโอกาสซึ่งคู่รักจะแสดงความรักของพวกเขาแก่กันโดยให้ดอกไม้ ขนมหรือลูกกวาด และส่งการ์ดอวยพรกัน

[ที่มา] : https://th.m.wikipedia.org/wiki/วันวาเลนไทน์

☛ เเละเราจะมาดูกันว่านักวิชาการซุนนะฮฺร่วมสมัยมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับวันดังกล่าว

➡ ชัยคฺ มุฮัมหมัด บิน ศอลิหฺ อัล-อุษัยมีน รอหิมาฮุลลอฮฺ (เสียชีวิตปี ฮ.ศ.1421)

ท่านชัยคฺถูกถามว่า :

ในช่วงหลังๆนี้ การมีส่วนร่วมในงานเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์ได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในหมู่นักศึกษาหญิง วันดังกล่าวเป็นวันอีด(วันรื่นเริง)วันหนึ่งของชาวคริสต์ ซึ่งมีการประดับประดาด้วยสีแดง ทั้งเสื้อผ้าและรองเท้า มีการแลกเปลี่ยนดอกกุหลาบสีแดงแก่กันและกัน ขอให้ท่านช่วยอธิบายหุก่มการเข้าร่วมในวันดังกล่าวนี้ และท่านจะชี้แนะเช่นไรกับบรรดามุสลิมในเรื่องนี้ ? ขออัลลอฮฺทรงปกป้องและดูแลท่าน

ท่านตอบว่า :

ไม่อนุญาตให้มีการเข้าร่วมในวันวาเลนไทน์ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังต่อไปนี้ :

หนึ่ง : วันวาเลนไทน์ เป็นวันที่ถูกคิดอุตริขึ้นมาซึ่งไม่มีหลักฐานใดๆจากบทบัญญัติของอิสลาม

สอง : วันวาเลนไทน์เป็นวันที่นำไปสู่การแสดงความรักเชิงชู้สาวที่ไม่ถูกต้อง

สาม : วันวาเลนไทน์เป็นวันที่ทำให้จิตใจหมกมุ่นกับสิ่งไร้สาระที่ขัดกับแนวทางของบรรพชนอิสลามรุ่นแรก

เพราะเหตุนี้จึงไม่อนุญาตให้มุสลิมแสดงออกในวันวาเลนไทน์ด้วยสิ่งที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของวันดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน เครื่องดื่มต่างๆ เสื้อผ้า การแลกเปลี่ยนของขวัญและอื่นๆ

มุสลิมควรที่จะต้องเข้มแข็งและภูมิใจในศาสนาอิสลาม และไม่ควรที่จะคล้อยตามกระแสของวัฒนธรรมอื่นๆ เราขอพรต่อเอกองค์อัลลอฮฺเพื่อทรงปกป้องมุสลิมทุกคนจากฟิตนะฮฺต่างๆ ทั้งที่ชัดเจนและสิ่งที่ปกปิด และขอให้พระองค์ทรงอุปถัมป์ด้วยทางนำของพระองค์ด้วยเถิด”

(จบเนื้อหาฟัตวา)

مجموع فتاوى الشيخ ابن عثيمين” (16/199).

➡ คณะกรรมาธิการถาวรเพื่อการฟัตวาแห่งราชอาณาจักรซาอุดี

มีคำถามถึงคณะกรรมาธิการเพื่อการฟัตวาแห่งราชอาณาจักรซาอุดีว่า :

มีบางคนได้เข้ามีส่วนร่วมในวันที 14 ของเดือนกุมภาพันธุ์ของทุกปี ซึ่งเป็นวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ พวกเขาได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อกันด้วยสีแดง มีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดง มีการอวยพรพรซึ่งกันและกัน มีร้านค้าจัดของหวานด้วยสีแดงและตกแต่งประดับด้วยรูปหัวใจ และบางร้านมีการจัดสินค้าด้วยสัญลักษณ์ที่แสดงถึงวันดังกล่าว ท่านจะให้ความเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้ ?

หนึ่ง : การเข้าร่วมในวันวาเลนไทน์มีหุก่มเช่นไร ?

สอง : การซื้อสิ่งของจากร้านที่จัดตกแต่งสินค้าด้วยสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์ดังกล่าวมีหุก่มอย่างไร?

สาม : และการขายสินค้าของเจ้าของร้าน(ที่ไม่ได้เข้าร่วมในพิธีหรืองานวาเลนไทน์)แก่ผู้ที่ต้องการร่วมในวันดังกล่าวด้วยสินค้าที่ใช้เป็นของขวัญในวันนั้นจะได้หรือไม่ ?

คณะกรรมาธิการได้ให้คำตอบว่า :

หลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺได้ชี้ชัดตรงนี้อย่างชัดเจน และบรรดาอุละมาอฺสะลัฟมีความเห็นตรงกันว่า อีด(วันรื่นเริง)ในอิสลามนั้นมีเพียงสองครั้งเท่านั้น นั่นก็คืออีดิลฟิฏรฺและอีดิลอัฎฮา และวันอีดที่นอกเหนือจากนั้น แม้จะมีความเกี่ยวข้องกับตัวบุคคล กลุ่มคน เหตุการณ์ หรืออาจจะอยู่ในความหมายใดๆก็ตาม อีดเหล่านั้นถือว่าเป็นสิ่งอุตริ(บิดอะฮฺ)ขึ้นมาใหม่ในอิสลาม ไม่อนุญาตให้ชาวมุสลิมคนใดร่วมปฏิบัติ หรือเห็นด้วย หรือแสดงออกถึงความดีอก ดีใจ หรือให้ความช่วยเหลือด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการละเมิดขอบเขตบัญญัติของอัลลอฮฺﷻ ใครผู้ใดก็ตามที่ได้ละเมิดขอบเขตของอัลอฮฺﷻเขาผู้นั้นคือผู้อธรรมต่อตัวเขาเอง

และหากว่าวันรื่นเริงที่อุตริขึ้นมาดังกล่าวยังเป็นวันรื่นเริงของผู้ไม่ใช่มุสลิมด้วยแล้ว การกระทำเช่นนั้นเป็นการกระทำบาปหนึ่งบนอีกบาปหนึ่งด้วย(บาปซ้อนบาป) เพราะการเข้าร่วมในวันรื่นเริงของผู้ไม่ใช่มุสลิมแสดงถึงการทำตัวคล้ายกับพวกเขาและเข้าข่ายการให้ความรักแก่พวกเขา(มุวาลาฮฺ) ซึ่งอัลลอฮฺﷻได้ห้ามบรรดาผู้ศรัทธาในการทำตัวเหมือนผู้ปฏิเสธศรัทธาและการให้ความรักแก่พวกเขา และท่านนบีﷺก็ได้กล่าวห้ามเอาไว้ความว่า :

من تشبه بقوم فهو منه

“ผู้ใดที่เลียนเเบบกลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด เขาก็คือพวกนั้น”

วันวาเลนไทน์ก็เป็นวันหนึ่งที่เข้าข่ายในสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว เพราะวันวาเลนไทน์ก็เป็นวันรื่นเริงวันหนึ่งของชาวคริสต์ เพราะฉนั้นจึงไม่อนุญาตให้มุสลิมที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺﷻและวันอาคิเราะฮฺที่จะจัดงาน เห็นดีเห็นงาม หรือให้การอวยพรให้แก่กันในวันดังกล่าว

เพราะฉนั้นจำเป็นสำหรับมุสลิมที่จะต้องหลีกห่างเพื่อแสดงถึงการน้อมรับคำสั่งของอัลลอฮฺﷻและท่านรอซูลﷺ อีกทั่งห่างไกลจากความกริ้วโกรธและการลงโทษของพระองค์

เเละเช่นเดียวกัน ห้ามสำหรับมุสลิมที่จะให้การช่วยเหลือเกื้อกูลในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ และวันรื่นเริงอื่นๆด้วยสิ่งใดก็ตามไม่ว่าจะเกี่ยวกับการกิน การดื่ม การซื้อขาย การผลิต ของขวัญ การฝากส่ง การประกาศ และอื่นๆ เพราะสิ่งเหล่านี้เข้าข่ายให้การช่วยเหลือในสิ่งที่เป็นบาปและละเมิด และเป็นการฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺﷻและรอซูลของพระองค์ อัลลอฮฺﷻทรงตรัสว่า :

«وَتَعَاوَنُواْ عَلَى الْبرِّ وَالتَّقْوَى وَلاَ تَعَاوَنُواْ عَلَى الإِثْمِ وَالْعُدْوَانِ وَاتَّقُواْ اللّهَ إِنَّ اللّهَ شَدِيدُ الْعِقَابِ» (المائدة : 2)

ความว่า : และจงช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสิ่งที่ดีและในความยำเกรง(ต่ออัลลอฮฺ) และอย่าได้ช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นบาป และการเป็นศัตรูกัน และพวกเจ้าจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺ แท้ที่จริงแล้วอัลลอฮฺเป็นผู้ลงโทษที่หนักหน่วงยิ่ง

(อัลมาอิดะฮฺ : 2)

เพราะฉนั้นจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคนที่จะต้องยึดถือปฏิบัติตามคำสอนของอัลกุรอานและซุนนะฮฺของท่านนบีﷺในทุกๆอิริยาบท โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยฟิตนะฮฺและความเสื่อมทรามได้แพร่กระจายไปทุกหนแห่ง มุสลิมจำเป็นที่จะต้องคิดอย่างชาญฉลาดและรอบคอบยิ่งขึ้นเพื่อมิให้ตกอยู่ในความหลงผิดเหมือนพวกที่อัลลอฮฺﷻทรงกริ้วหรือพวกที่หลงทาง ซึ่งพวกเขาไม่ได้หวังให้เกียรติแก่อัลลอฮฺﷻ และไม่ได้ต้องการยกย่องอิสลาม

มุสลิมจำเป็นที่จะต้องหันหน้าไปพึ่งพิงอัลลอฮฺﷻโดยการขอทาของพระองค์และความหนักเเน่นในหนทางดังกล่าว เพราะหามีผู้ใดอื่นอีกแล้วที่จะชี้ทางที่ถูกต้องและเที่ยงตรง และไม่มีใครให้ความมั่นคงแน่วแน่นอกจากพระองค์ และด้วยพระองค์เท่านั้นที่จะได้มาซึ่งความสำเร็จ

ขอพรและความจำเริญจงมีแด่ท่านนบีมุฮัมมัด ครอบครัวของท่าน และบรรดาศอหาบะฮฺของท่านทุกคน”

(จบเนื้อหาฟัตวา)

[อ้างอิงฟัตวา] : https://islamqa.info/ar/73007

➡ ชัยคฺ ดร.ศอลิหฺ บิน เฟาซาน อัล-เฟาซาน หะฟิซอฮุลลอฮฺ

คำถาม :

ขออัลลอฮฺทรงประทานความดีแก่ท่าน โอ้ผู้มีความประเสริฐ นี่คือคำถามอันมากมายเกี่ยกับสิ่งที่ถูกขนามนามว่า”วันแห่งความรัก” หวังว่าท่านจะได้ชี้เเจงถึงความอันตรายของการเฉลิมฉลองเนื่องด้วยโอกาสนี้ เเละนำเอาฟัตวาจากกรรมาธิการถาวรฯออกมาเกี่ยวกับประเด็นนี้ ?

คำตอบ :

อะไรคือวันแห่งความรัก ? มันคือวันอีด(เฉลิมฉลอง)ของพวกคริสเตียน ไม่อนุญาตสำหรับบรรดามุสลิมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับพวกเขา และห้ามสนับสนุน ส่งเสริมพวกเขาในกิจการนี้ เเละต้องไม่มีส่วนร่วมในเรื่องไร้สาระ นี่คือวันอีดของผู้ปฏิเสธศรัทธา จะต้องไม่ไปสนับสนุนพวกเขา

รักนี้ มันเป็นความรักแก่ใคร ?

รักต่ออิบลีสกระนั้นหรือ ?

หรือรักอัล-มะซีหฺ(อีซา)อลัยฮิสสลาม ?

หรือรักต่อสิ่งที่มีอยู่ในบรรดาพวกเขา ?

ไม่มีความรักในหมู่พวกเขาหรอก ในเมื่อพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา !

تَحْسَبُهُمْ جَمِيعًا وَقُلُوبُهُمْ شَتَّى

ความว่า : เจ้าเข้าใจว่าพวกเขา(พวกนุนาฟิก และชาวคัมภีร์)รวมกันเป็นปึกแผ่น แต่(ความจริงแล้ว)จิตใจของพวกเขาแตกแยกกัน

(อัล-หัชรฺ : 14)

พวกเขาบอกว่า : รักผู้หญิง ? นี่คือความชั่วช้าต่างหากเล่า !

(จบเนื้อหาฟัตวา)

[เนื้อหาฟัตวา] : http://alfawzan.af.org.sa/node/3853

▶รวบรวม / #อิสลามตามแบบฉบับ◀