
หลักฐานจากอัลกุรอานและอัลฮะดิษ ชี้ให้เห็นว่า บุคคลใดบริจาคในวิถีทางของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะ ตะอาลา พระองค์จะทดแทนให้เขาในโลกนี้และโลกหน้า
♦ และกรณีการบริจาคให้แก่ผู้ที่ศึกษาหาความรู้ เป็นสาเหตุที่ทำให้ได้รับริสกี รายงานจากท่านอนัส อิบนิ มาลิก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
“มีพี่น้องสองคนอยู่ร่วมกันในสมัยของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คนหนึ่งมาศึกษาหาความรู้กับท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ส่วนคนพี่ประกอบสัมมาอาชีพ เขาได้มาร้องเรียนต่อท่านนบี ถึงน้องชายที่ไม่ช่วยทำมาหากิน
ท่านนบีกล่าวว่า : แน่นอนว่า ท่านจะได้รับริสกีก็เนื่องจากเขาไปศึกษานั่นเอง”
(บันทึกโดย อิมาม อัตติรมิซีย์)
ฮะดิษนี้ได้อธิบายว่า ผู้ที่มาร้องเรียนต่อท่านนบีว่า น้องชายมัวแต่ศึกษาหาความรู้ และปล่อยให้เขาทำมาหากินอยู่เพียงคนเดียว โดยเขาคิดว่า ริสกีที่เขาได้รับนั้นมาจากการประกอบสัมมาอาชีพของเขา เขาไม่รู้ว่า แท้ที่จริง อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นผู้ประทานริสกีให้เขา ด้วยสาเหตุที่เขาเป็นผู้อุปการะจับจ่ายให้แก่น้องชายผู้ที่ศึกษาหาความรู้นั้นเอง
♦ และกรณีการทำความดีกับผู้ที่ด้อยโอกาส สิ่งที่จะทำให้มุสลิมรับริสกี คือ การทำดีต่อผู้ที่อ่อนแอ ผู้ที่ไร้ความสามารถ ผู้ที่ยากจน และผู้ที่ด้อยโอกาสในสถานภาพต่างๆ กัน เนื่องจากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนว่า
“พวกท่านจะได้รับความช่วยเหลือ และได้รับริสกี เพราะการให้ความช่วยเหลือคนยากจนในหมู่ของพวกท่านเท่านั้น”
(บันทึกโดย อิมาม อัลบุคอรีย์)
ดังนั้น ผู้ที่มีความปรารถนาจะได้รับความช่วยเหลือ และได้รับริสกีของพระองค์ จงให้เกียรติและทำดีกับคนยากจนเถิด
♦ และกรณีการขออภัยโทษและการสำนึกผิด เป็นสาเหตุที่จะได้รับริสกี ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อับบ๊าซ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนว่า
“ผู้ที่ขออภัยโทษมากๆ อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขาหลุดพ้นจากความวิตกกังวล จะทรงทำให้เขามีหนทางออกจากความคับแค้นทั้งปวง และจะประทานริสกีให้แก่เขา โดยที่เขาไม่คาดหวังมาก่อน”
(บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวถึงผลต่างๆที่จะได้รับจากการขออภัยโทษมากๆ ต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา ส่วนหนึ่งจากผลที่ว่า คือ ริสกีจากพระองค์ ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาในริสกี จงเร่งรีบไปสู่การขออภัยโทษด้วยการกล่าวควบคู่ไปกับการยุติการกระทำความชั่ว และอย่าเป็นผู้ที่ขออภัยโทษด้วยลิ้นเพียงอย่างเดียว โดยปราศจากการยับยั้งชั่งใจ เพราะการทำอย่างนั้น เป็นการกระทำของผู้ที่โกหกหลอกลวง
♦ และกรณีสุดท้าย การพอใจ ยินดีต่อการกำหนดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และการสำนึกในพระคุณของพระองค์ พระองค์จะทรงเพิ่มริสกีและความดีงามทั้งหลาย
ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า
“หากพวกเจ้าขอบคุณ ข้าก็จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้าอีก”
(อิบรอฮีม 14 : 7)
การขอบคุณต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หมายถึง การสำนึกในพระคุณของพระองค์ที่ทรงมอบความโปรดปรานและความดีงามทั้งหลายและการพอใจยินดีต่อการกำหนดของพระองค์ หมายถึง การพอใจยินดีต่อเหตุการณ์ต่าง ทั้งด้านดีและด้านร้ายที่มาประสบกับชีวิต หากเป็นด้านดีก็ต้องสำนึกในพระคุณของพระองค์ และหากเป็นด้านร้ายก็ต้องอดทน เพราะนั่นคือการทดสอบ มิใช่เป็นการลงโทษหรือโกรธกริ้วของอัลลอฮฺ ตะอาลา ดังกล่าว ย่อมเป็นการดีต่อตัวเขาเอง
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนว่า
“เรื่องราวของผู้ศรัทธานั้น มันช่างน่าอัศจรรย์เสียนี่กระไร เนื่องจากว่ากิจการของเขาทั้งหมด ล้วนแต่เป็นความดีทั้งนั้น กล่าวคือ หากว่าเขาได้รับความสุขสบาย เขาก็ขอบคุณต่ออัลลอฮฺย่อมเป็นความดีแก่เขา แม้เขาต้องประสบกับเคราะห์กรรม เขาก็อดทน ก็ย่อมเป็นความดีให้แก่เขา”
ดังนั้น การสำนึกในพระคุณ และการพอใจยินดีต่อการกำหนดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทำให้ไดรับริสกีและความดีทั้งหลาย ส่วนผู้เนรคุณ และผู้ไม่พอใจต่อการกำหนดของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พระองค์จะทรงทำให้ริกสีของเขา ต้องมลายไปเหมือนอย่างเช่นตระกูลสะบะอฺ ที่พระองค์ประทานริสกีเรือกสวนไร่นาอันอุดมสมบูรณ์ให้แก่พวกเขา แต่พวกเขาไม่สำนึกในพระคุณของพระองค์
ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวกล่าวว่า
“แท้จริง ก่อนนี้ชนชาวเยเมนตระกูลสะบะอฺ มีเครื่องหมายอันหนึ่งสำหรับพวกเขา ที่ชี้ให้เห็นถึงเดชานุภาพของอัลลอฮฺ นั่นคือสวนต้นไม้สองชนิด ทั้งซ้ายขวาในหุบเขาที่พวกเขาอาศัยอยู่
มีผู้สั่งเขาว่า “สูเจ้าจงกิน (จงดื่ม) จากริสกีที่พระเจ้าประทานให้เถิด จงสำนึกในพระคุณของพระองค์ มันเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม (ปลอดจากสัตว์และแมลงร้ายทั้งหลาย) และอัลลอฮฺยังทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงอภัยเสมอ
แต่พวกเขาเนรคุณพระเจ้า เราจึงทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมจากฝนตกหนัก แลเราได้ทำให้สวนไม้ทั้งสองที่กล่าวมา เป็นสองสวนที่มีแต่ไม้รสขม ต้นสน และต้นพุทราเล็กน้อย
การเปลี่ยนเช่นว่านั้น เป็นการตอบแทนการเนรคุณของพวกเขา เราไม่ตอบแทนพวกเขาเนื่องจากสิ่งอื่น นอกจากการเนรคุณเท่านั้น”
(สะบะอฺ 34 : 15 – 17)
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงมีพระประสงค์ที่จะเตือนพวกเราว่า อย่าได้เป็นผู้ที่ไม่สำนึกในพระคุณของพระองค์ เพราะการกระทำดังกล่าวจะทำให้ริสกีของเราต้องสูญไป และพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เราพิจารณาถึงเจ้าของสวนที่ใจบุญ ที่ได้ทำการบริจาคทานผลไม้ให้แก่คนยากจน แต่ต่อมาในสมัยที่ลูกเป็นเจ้าของสวน กลับไม่มีการบริจาคทานให้แก่คนยากจน ทั้งที่คนยากจนมีสิทธิที่จะได้รับการบริจาค
ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า
“ดังนั้น การลงโทษจากพระเจ้าของเจ้าได้มาทำลายสวนนั้น ขณะที่พวกเขากำลังนอนหลับอยู่ ครั้นในตอนเช้า มันก็กลายเป็นราบเรียบเหมือนถูกตัด”
(อัลกอลัม 68 : 19 – 20)
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงทำให้เกิดไฟไหม้สวนของพวกเขาทั้งหมด อันทำให้ริสกีของพวกเขาต้องสูญไป เนื่องจากเขามีริสกีอันมากมาย แต่ไม่ทำการบริจาคให้แก่คนยากจนขัดสน และทรงมีพระประสงค์ให้เราพิจารณาถึงการทดสอบพวกที่ร่ำรวยและสุขสบายในโลกนี้ แต่พวกเขากลับไม่ให้ความช่วยเหลือแก่คนยากจนขัดสนและเด็กกำพร้า
ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า
“มนุษย์บางคนเมื่อพระเจ้าของพวกเขาทดสอบ โดยประทานความสุขสบายให้ พวกเขาก็จะพูดว่า พระเจ้าของฉันได้ให้เกียรติแก่ฉันอย่างดีทีเดียว
แต่ถ้าพระองค์ทดสอบพวกเขา โดยทรงทำให้ริสกีของเขาน้อยลง เขาก็จะพูดว่า พระเจ้าของฉันทรงเกลียดฉันแล้ว มันไม่ใช่ว่ารักละก็ให้สบาย เกลียดละก็ให้จน แต่อยู่ที่เจ้าทำตามคำสอนหรือไม่
ยิ่งกว่านั้น พวกเจ้ายังไม่ดูแลเด็กกำพร้า พวกเจ้าไม่ให้ความร่วมมือต่อการให้อาหารแก่คนอนาถา”
(อัลฟัจญ์รฺ 89 : 15 – 20)
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกำหนดความมั่งมี ความสุขสบาย ความยากจน ความขัดสนให้แก่มนุษย์ ไม่เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า พระองค์ทรงให้เกียรติหรือพระองค์ทรงกริ้ว แต่การที่ได้รับริสกีอันมากมาย เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการทดสอบจากพระองค์ ว่ามนุษย์จะสำนึกในพระคุณของพระองค์ด้วยการบริจาคทาน สนับสนุน ให้ความช่วยเหลือแก่คนยากน คนอนาถา และเด็กกำพร้าหรือไม่
ส่วนการที่ได้รับริสกีอันน้อยนิด เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการทดสอบจากพระองค์ ว่าจะอดทนในการดำเนินชีวิตโดยไม่ข้องเกี่ยวข้องสิ่งที่ต้องห้ามตามศาสนาบัญญัติหรือไม่
ดังนั้น ผู้ที่ได้รับเกียรติจากพระองค์ก็คือผู้ที่ปฏิบัติตามในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ละเว้นในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม อันเป็นผลที่ทำให้เราได้รับสวรรค์ที่มั่นคงสถาพรสืบไป
Chratree Momaddeen