การวิพากษ์ ด่าทอ ต่อว่าสิ่งที่ศาสนิกอื่นเคารพ เป็นสิ่งต้องห้าม

ADMIN

การวิพากษ์ ด่าทอ ต่อว่าสิ่งที่ศาสนิกอื่นเคารพ เป็นสิ่งต้องห้าม

ในอดีต เหล่าซอฮาบะฮเคยวิพากษ์ด่าทอเทวรูปที่มุชริกีนพากันสักการะบูชา ซึ่งปฏิกิริยาที่ตอบกลับมาคือพวกเขาก็ด่าทออัลลอฮฺเช่นกัน

อัลลอฮฺจึงทรงประทานอายะฮ์ที่ 108 แห่งซูรอฮฺ อัล-อันอาม ลงมา ความว่า “พวกเจ้าอย่าได้ด่าทอเหล่าผู้ที่พากันวิงวอนขอต่อพระเจ้าอื่น ๆ นอกเหนือจากอัลลอฮ เพราะเป็นเหตุให้พวกนั้นด่าทออัลลอฮฺกลับมาด้วยความโฉดเขลา อัลลอฮฺทรงปรุงแต่งคนแต่ละกลุ่มให้มองพฤติกรรมของพวกตนว่าสวยงาม แต่ท้ายที่สุดพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ตัดสินว่าใครทำอะไร ดีงามหรือไม่”

ในบรรยากาศอันขุ่นมัวด้วยความอาฆาตมาดร้ายต่ออิสลามของยุคก่อนอพยพ อัลลอฮฺยังทรงห้ามมิให้วิพากษ์พระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิในศาสนาอื่น จึงเข้าใจได้ว่าหากอยู่ในบรรยากาศแห่งเสรีภาพทางศาสนาและความเป็นเพื่อนมิตรกัน เช่นในสังคมไทย ย่อมเป็นที่ต้องห้ามสำหรับมุสลิมในการจะไปด่าทอความเชื่อของพี่น้องต่างศาสนา เพราะนอกจากจะถูกด่ากลับมาโดยลามปามไปถึงอัลลอฮฺแล้ว ยังจะเป็นการทำลายบรรยากาศการอยู่ร่วมกันด้วยดีที่เคยมีมานานอีกด้วย
เรารู้ว่าอิสลามดีงามและสูงส่งเช่นไร แต่ไม่ควรลืมว่าพี่น้องศาสนิกชนอื่นเขาก็มองความเชื่อของพวกเขาว่าดีงามเช่นกัน (ดังที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า “พระองค์ทรงปรุงแต่งให้เป็นเช่นนั้น”)

เมื่อต้องการนำเสนออิสลามก็ควรนำเสนอในบรรยากาศแห่งสันติ มิใช่การไปวิพากษ์ด่าทอสิ่งที่ผู้คนเห็นว่าดีงาม (เช่น ความเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาส) ซึ่งแทนที่จะทำให้เขาเห็นว่าเราดี กลับจะเห็นเป็นศัตรูและทำให้การดะวะฮฺ(การเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อิสลาม)ในบรรยากาศเช่นนั้นยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น

เป็นผู้รู้ที่ต้องการเผยแพร่อิสลาม ต้องใช้มารยาทอันงามเป็นทัพหน้า มิใช่ความก้าวร้าวรุนแรง ที่สำคัญต้องคำนึงถึงสถานภาพบุคคลและบริบทของสังคมที่ตนต้องการดะวะฮด้วย ตามซุนนะฮที่เรียกกันว่า مراعاة المخاطب

จาก อิหม่าม ดร.วิสุทธิ์ บินลาเตะ