จูบภรรยา ทำให้เสียศีลอดหรือไม่?

ADMIN

การจูบภรรยา

ไม่มีข้อขัดแย้งกันในระหว่างบรรดานัดนิติศาสตร์อิสลาม ในการอนุญาตให้สามีจูบภรรยาได้โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อความเมตตาไม่ใช่เพื่อ เป้าหมายเพื่อความเอร็ดอร่อยหรือมีความรู้สึกทางเพศ เช่น ในกรณีที่ลาไปในการเดินทาง หรือในกรณีที่ป่วย

และเช่นเดียวไม่มีข้อ ขัดแย้งกันในบรรดาผู้นำทั้งสี่ และนักวิชาการส่วนใหญ่ว่าการจูบถึงแม้จะมีอารมณ์ทางเพศแต่ไม่ทำให้เสียศีลอด โดยไม่เป็นเหตุให้เกิดการหลั่งอสุจิ แล้วถ้ามีการหลั่งอสุจิ การหลั่งอสุจิก็จะทำให้เสียศีลอดโดยไม่มีข้อขัดแย้ง

อิบนุ รุชด์ ได้เล่ามาจากกลุ่มชนหนึ่งโดยไม่ได้ระบุชื่อโดยพวกเขากล่าวว่า การจูบเป็นที่ต้องห้าม (ฮะรอม) สำหรับผู้ถือศีลอดและจะทำให้เสียศีลอด แล้วเขาได้กล่าวว่า เป็นกลุ่มชนที่ประหลาดมากที่พวกเขากล่าวว่า การจูบทำให้เสียศีลอด โดยพวกเขาได้อ้างหลักฐานดังกล่าว ด้วยฮะดีษที่รายงานโดยมัยมูนะห์ บุตรีของสะอัด ว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม ได้ถูกถามถึงการจูบของผู้ที่ถือศีลอด ท่านได้ตอบว่า ทั้งสองเสียศีลอดด้วยกัน ฮะดีษนี้อัฏฏ่อฮาวีย์ ได้นำเสนอ แต่เขาบอกว่าเป็นฮะดีษฏ่ออีฟ (อ่อนหลักฐาน) อันนะวะวีย์ ได้กล่าวว่า ฮะดีษบทนี้ได้เล่าโดย อัลค็อฏฏอบีย์ จาก สะอีด อิบนุลมุซัยยับ และเล่าโดยอัลค็อฏฏอบีย์ จากสะอีด อิบนุลมุซัยยับ และเล่าโดยอัลมาวัรดีย์ จากมุฮัมหมัด อิบนุล ฮะนะฟียะห์ และอับดุลลอห์ อิบนุ ชุบรุมะห์

อย่าง นี้แหละ ที่บรรดานักนิติศาสตร์อิสลามได้มีความเห็นแตกต่างกันในข้อชี้ขาดการจูบภรรยา โดยมีเป้าหมายเพื่อความเอร็ดอร่อยในสภาพที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และในที่คล้าย ๆ กัน ว่าเป็นเรื่องน่าเกลียด หรือต้องห้าม (ฮะรอม) หรือไม่เป็นอะไรทั้งสองสภาพ

นักวิชาการส่วนใหญ่จากลุ่มอัลฮะนะฟียะห์ อัชชาฟีอียะห์ และอัลฮะนาบิละห์ ถือว่าเป็นการน่าเกลียดโดยทั่วไป อันนะวะวีย์ เล่าว่า อิบนุลมุนษิร ได้เล่าโดยเอามาจากอุมัร อิบนุ อับบาส อะบีหุร็อยเราะห์ อาอิชะห์ อะฏ้ออ์ อัชชะอ์บีย์ อัลฮะซัน และอิสฮาก

* นักวิชาการบางคน ถือว่า เป็นที่อนุญาตโดยทั่วไป โดยที่อิบนุ ฮัซม์ อัซซอหิรีย์ ก็ได้ระบุไว้อย่างนั้น อันนะวะวีย์ ได้เล่าว่า เป็นรายงานจากสะอัด อิบนุ อะบีวักก๊อศ และอัศศ็อนอานีย์ ได้พาดพิงไปยังกลุ่มอัซซอหิรีย์บางคน ว่า เป็นที่ส่งเสริมให้กระทำได้

* กลุ่มอัลมาลิกียะห์ ถือว่า มีรายละเอียดในเรื่องนี้โดยแยกกันระหว่างผู้ที่ควบคลุมอารมณ์ของตัวเองได้ กับผู้ที่ไม่สามารถจะควบคลุมได้

ผู้ที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ เช่น ชราภาพ คนสูงอายุ ก็ถือว่าเป็นการน่าเกลียด (มักรูห์) เท่านั้น ซึ่งเป็นทัศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่

ส่วนผู้ที่ไม่สามารถจะควบคลุมอารมณ์ของตัวเองได้เช่น คนหนุ่มสาว ก็ถือว่าเป็นที่ต้องห้าม (ฮะรอม)

* นักวิชาการบางท่าน บอกว่า ห้าม (ฮะรอม) ที่ผู้ถือศีลอดจะจูบภรรยา มีรายงานในเรื่องนี้จากอิบนุอุมัร ซึ่งเป็นทัศนะของอิบนุ มัสอู๊ด อัลค็อฏฏอบีย์ได้เล่าว่า เป็นรายงานที่มาจากสะอีด อิบนุลมุชัยยับ ดังเช่นที่อัลมาวัรดีย์ ได้เล่าว่า เป็นรายงานที่มาจากมุฮัมหมัด อิบนุลฮะนะฟียะห์ และอับดุลลอห์ อิบนุ ซุบรุมะห์ ด้วย

หลักฐานของผู้ที่บอกว่าอนุญาตให้ผู้ถือศีลอดจูบภรรยาได้

ได้มีรายงานมาจากสะอัด อิบนุ อะบี วักก๊อศ และนักวิชาการบางท่าน โดยที่พวกเขาได้อ้างหลักฐานมาจากซุนนะห์ ดังต่อไปนี้:-

1. ฮะดีษที่บันทึกโดยอะบูดาวูด อิบนุ ฮิบบาน และอัลฮากิม โดยถือว่าเป็นฮะดีษที่ศ่อฮีฮ์ รายงานโดยอุมัร อิบนุล ค็อฏฏ๊อบ ร่อฎิยัลลอหุอันหุ ว่า วันหนึ่งฉันคุมอารมณ์ไม่อยู่ ฉันจึงได้จูบภรรยา ขณะฉันคือศีลอด แล้วฉันได้มาหาท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม แล้วเล่าให้ฟังว่า วันนี้ฉันได้ทำเรื่องใหญ่แล้ว ท่านถามว่า เรื่องอะไร ? ฉันเล่าว่า ฉันได้ตอบว่า ฉันได้จูบภรรยาขณะที่ฉันถือศีลอด แล้วท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม จึงได้ถามว่า ท่านจงบอกให้ทราบที่ว่า ถ้าแม้ว่าท่านเอาน้ำบ้วนปากขณะที่ท่านถือศีลอด (จะเสียศีลอดไหม ?) ฉันตอบว่า ไม่เป็นไร ท่านจึงตอบดังนั้นจงนิ่งเถิด

แนวทางในการอ้าง หลักฐานจากฮะดีษบทนี้

ปรากฏชัดแล้วในการที่ท่านได้ปล่อยสภาพการจูบของผู้ถือศีลอดไว้กว้าง ๆ ยกเว้นอิมามอะฮ์หมัด ได้ถือว่าฮะดีษนี้อ่อนหลักฐาน โดยเขาได้กล่าวว่า นี่เป็นเรื่องลม ๆ แล้ง ๆ ไม่ถือเป็นหลักฐานแต่ประการใด

2. ฮะดีษที่บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ และมุสลิมจากฮะดีษ ที่รายงานโดยอาอิชะห์ โดยนางเล่าว่า ปรากฏว่าท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม เคยกล่าวขณะที่ท่านถือศีลอด ว่า ท่านก็สัมผัสสตรีเพศในขณะท่านถือศีลอด แต่ท่านสามารถจะควบคุมอารณ์ได้ดีกว่าพวกท่าน

อัศศ็อนอานีย์ ได้กล่าวว่า ตามที่ปรากฏชัดของฮะดีษบทนี้ อนุญาตให้จูบได้ และสัมผัสสตรีเพศได้สำหรับผู้ที่ถือศีลอด เพราะมีหลักฐานจากการกระทำของท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม และเพราะท่านหญิงอาอิชะห์ ได้กล่าวถึงฮะดีษเป็นการตอบแทนผู้ที่ถามเกี่ยวกับการจูบ ขณะที่เขาถือศีลอด โดยที่การตอบของนางนั้นเด็ดขาดว่าเป็นที่อนุญาตโดยอ้างหลักฐานจากการกระทำ ของท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม

เราขอกล่าวว่า หวังว่าฮะดีษที่รายงานโดยอาอิชะห์นี้ ถือเป็นฮะดีษที่ผลักดันให้กลุ่มอัซซอหิรียะห์ บางคนบอกว่า ส่งเสริมให้สามีจูบภรรยาของเขา ในขณะที่ถือศีลอดเพื่อเป็นการเอาแบบอย่างจากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม นั่นเอง

หลักฐานของผู้ที่กล่าวว่า ถือเป็นการน่าเกลียดที่ผู้ถือศีลอดจะจูบภรรยา

นี่ เป็นทัศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่จากกลุ่มอัลฮะนะฟียะห์ อัชชาฟีอียะห์ และอัลฮะนาบิละห์ ซึ่งถือเป็นทัศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่จากบรรดาศ่อฮาบะห์ ตาบิอีน

หลักฐานของพวกเขา คือ กลัวว่าจะเกิดปัญหา และไม่สามารถจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ โดยพวกเขากล่าวว่า ฮะดีษที่รายงานโดยอาอิชะห์ ในการที่ท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม จูบภรรยาขณะที่ท่านถือศีลอดมันเป็นเรื่องเฉพาะของท่าน เพราะนางกล่าวว่า “แต่ท่านควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าพวกท่าน “ด้วยเหตุนี้ ปรากฏว่า นางอาอิชะห์เอง เคยตอบว่าเป็นการน่าเกลียด

ความจริงอันนะซาอีย์ ได้บันทึกรายงานจากอัลอัสวัด ว่า ฉันได้กล่าวแก่อาอิชะห์ ว่า ผู้ถือศีลอดนั้นจะสัมผัสสตรีเพศได้หรือไม่ ? นางตอบว่า ไม่ได้ ฉันจึงถามว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม ก็เคยสัมผัสสตรีเพศโดยขณะที่ท่านถือศีลอดมิใช่หรือ นางตอบว่า ท่านจะควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าพวกท่าน

ตามที่ปรากฏชัดในฮะดีษนี้ นางมั่นใจว่า ดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องเฉพาะสำหรับท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม เท่านั้น

ใน หนังสืออัศศิยาม ของอะบียูซุฟอัลกอฎีย์ โดยเอามาจากทางฮัมบ๊าด อิบนุ สะละมะห์ ว่า ฉันได้ถามอาอิชะห์เกี่ยวกับการสัมผัสสตรีเพศของผู้ถือศีลอด นางบอกว่า ดิฉันไม่ชอบมัน

หลักฐานของผู้ที่กล่าวว่า เป็นที่ต้องห้าม (ฮะรอม) แก่ผู้ถือศีลอดที่จะจูบภรรยา

ซึ่งเป็นคำพูดของอิบนุ อัมร์ และเป็นทัศนะของนักวิชาการบางท่าน

หลักฐานของพวกเขา คือ จากที่ปรากฏชัดของอายะห์อัลกุรอาน ในดำรัสของอัลลอห์ ตะอาลาที่ว่า

( اُحِلَّ لَكُمْ لَيْلَةَ الصِّيَامِ الرَّفَثُ إِلىَ نِسَائِكُمْ ) ไปจนถึง ( فَاْلآنَ بَاشِرُوْهُنَّ )

โดยที่อัลลอห์ ตะอาลา ได้ห้ามมิให้สัมผัสสตรีเพศในช่วงกลางวัน และการจูบถือว่าอยู่ในการสัมผัสด้วย

อัศศ็อนอานีย์ ได้กล่าวหลังจากได้กล่าวถึงหลักฐานนี้โดยเฉพาะ ขอตอบว่า จุดมุ่งหมายของอายะห์นี้ คือ ห้ามร่วมเพศ ความจริงการกระทำของท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม ก็ได้อธิบายให้ทราบมาแล้ว เช่นเดียวกัน ฮะดีษที่รายงานโดยอาอิชะห์ – ที่บันทึกโดยมุสลิม – โดยนางได้เล่าว่า ปรากฏว่าท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม เคยจูบภรรยาขณะที่ท่านถือศีลอด และเคยสัมผัสกับภรรยาขณะที่ท่านถือศีลอด แต่ท่านจะควบคุมอารมณ์ของท่านได้ดีกว่าพวกท่าน

หลักฐานของผู้ที่บอกว่า ให้แยกระหว่างผู้ที่สามารถควบคุมตัวเองได้กับผู้ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

ซึ่งเป็นทัศนะของอิมามมาลิก

หลักฐานของพวกเขา มาจากซุนนะห์ และทางปัญญา

(1) หลักฐานจากซุนนะห์ ส่วนหนึ่งจากนั้นก็คือ ฮะดีษที่บันทึกโดย อะฮ์หมัด และอัฏฏ็อบรอนีย์ รายงานจากอันดุลลอห์ อิบนุ อุมัร ว่า พวกเราเคยอยู่ที่ท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาแล้ว กล่าวว่า โอ้ท่านร่อซูลของอัลลอห์ ฉันได้จูบภรรยา ขณะที่ฉันถือศีลอด (จะเป็นอะไรไหม ?) ท่านตอบว่า ไม่ได้ แล้วคนแก่คนหนึ่งก็มา แล้วกล่าวว่า ฉันได้จูบภรรยา ขณะที่ฉันถือศีลอด (จะเป็นอะไรไหม ?) ท่านตอบว่า ได้ แล้วบางคนในหมู่พวกเราก็หันมามองกัน แล้วท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ความจริงฉันรู้แล้วว่า เพราะอะไรพวกท่านจึงมองตากัน ? แท้จริงคนแก่นั้นจะควบคุมตัวเองได้

(2) หลักฐานทางปัญญา คือ ความหมายที่ว่า ห้ามมิให้จูบนั้น มันมิได้เกิดผลเสียแก่ตัวของมันเอง ที่จริงแล้วกลัวว่าจะเป็นผลเสียต่อการถือศีลอด ดังนั้น ใครที่มีสภาพปลอดภัย ก็จูบได้โดยเป็นการปฏิบัติตามพื้นเดิม ส่วนใครที่มีสภาพไม่ปลอดภัย การจูบก็เป็นที่น่าเกลียดสำหรับเขา เพื่อเป็นความปลอดภัยต่อการถือศีลอด

ทัศนะที่มีน้ำหนัก สามารถจะประสานกันได้โดยพิจารณาดูหลักฐานเลือกเอาที่แข็งแรงกว่า ระวังรักษาเอาเผื่อในเรื่องอิบาดะห์ไว้

muslimthaipost.com