ความแตกต่างระหว่างการละหมาดตะรอเวียะฮ์และการละหมาดตะฮัจญุด

ADMIN

ความแตกต่างระหว่างการละหมาดตะรอเวียะฮ์และการละหมาดตะฮัจญุด

โดยเชคอาลี ญุมอะฮ์ มุฟตีย์แห่งอียิปต์

       ละหมาดตะรอเวี๊ยะฮฺ
   

   ละหมาดตะรอเวี๊ยะฮฺถูกบัญญัติให้ละหมาดรวมกันเป็นญะมาอะฮฺ ดังฮะดีสของท่านหญิงอาอิชะฮฺ ที่แจ้งว่า
   

   แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮฺ ได้ออกไปคืนหนึ่งในกลางดึกแล้วท่านได้ละหมาดในมัสยิด และได้มีผู้คนมาร่วมละหมาดกับท่านนบี ในวันรุ่งขึ้นผู้คนได้พูดถึงกันและได้รวมตัวกันมากขึ้น แล้วท่านได้ละหมาด (ในคืนที่สอง) ผู้คนก็ได้มาร่วมละหมาดกับท่าน

ต่อมาในวันรุ่งขึ้นก็ได้มีการกล่าวถึงกันอีก ผู้คนได้มารวมตัวกันในมัสยิดมากยิ่งขึ้นในคืนที่สาม ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ก็ได้ออกมาทำการละหมาดเช่นเคย ต่อมาในคืนที่สี่มัสยิดเนืองแน่นไปด้วยผู้คน จนกระทั่งท่านนะบีได้ออกไปละหมาดศุบฮฺ
   

   เมื่อท่านละหมาดเสร็จแล้วท่านได้หันหน้าไปยังผู้ที่มาร่วมละหมาดแล้วได้กล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺ และกล่าวชะฮาดะฮฺ แล้วกล่าวว่า “พึงทราบเถิดสถานภาพของพวกท่านเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ฉันแล้ว แต่ฉันกลัวว่าการละหมาดนี้จะถูกบัญญัติให้เป็นฟัรฎูแก่พวกท่าน แล้วพวกท่านก็ไม่สามารถจะกระทำได้ ต่อมาท่านร่อซูลุลลอฮฺได้ถึงอะญัลของอัลลอฮฺ การละหมาดตะรอเวี๊ยะฮฺก็คงสภาพอยู่เช่นนั้น”
   

   บันทึกโดย : อัลบุคอรีย์ และมุสลิม
   

   หลังจากที่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮฺแล้ว

   และบัญญัติศาสนาก็อยู่ในสภาพมั่นคงและมีเสถียรภาพดีแล้ว

   จนกระทั่งความกลัวที่จะเกิดการสับสนระหว่างอัลกุรอานและอัลอะฮาดีสได้สูญสิ้นไป บัญญัติการละหมาดตะรอเวี๊ยะฮฺเป็นญะมาอะฮฺก็ยังคงถือปฏิบัติกันอยู่

   เพราะสาเหตุที่จะทำให้เกิดการสับสนหมดสิ้นไปแล้ว   ในสมัยค่อลีฟะฮฺ อุมัร อิบนุลค๊อฎฎ๊อบ ได้ฟื้นฟูซุนนะฮฺอันนี้ ดังที่อับดุรรอหฺมาน อิบนฺ อับดิน อัลกอรี้ยุ ได้บอกเล่าไว้ว่า 

   “ฉันได้ออกเดินไปคืนหนึ่งในเดือนรอมฎอนกับอุมัรอิบนุลค๊อฎฎ๊อบ ยังมัสยิดอันนะบะวีย์ ก็เห็นมหาชนยืนละหมาดแยกกันเป็นกลุ่ม ๆ บ้างก็ยืนละหมาดคนเดียว บ้างก็ยืนละหมาดเป็นญะมาอะฮฺ อุมัรจึงกล่าวขึ้นว่า แท้จริงฉันเห็นว่าหากฉันจะรวมเขาเหล่านั้นให้ยืนละหมาดกับอิหม่ามคนเดียวก็จะเป็นการดียิ่ง แล้วอุมัรก็ได้ตัดสินใจรวมพวกเขาเหล่านั้นให้ยืนละหมาดตามอุบั๊ย อิบนฺกะอฺบ ต่อมาฉันได้ออกไปกับอุมัรในคืนต่อ ๆ มา และได้เห็นผู้คนยืนละหมาดตามอิหม่ามคนเดียว อุมัรได้กล่าวชื่นชมขึ้นว่านี่มันเป็นเหตุการใหม่ที่ดียิ่ง การละหมาดในเวลาดึกซึ่งเป็นเวลาพักผ่อนดีกว่าการละหมาดในเวลาหัวค่ำ”
   

   บันทึกโดย : อัลบุคอรีย์
   

   จำนวนร๊อกอะฮฺ**
   
   

   ผู้คนมีความเห็นแตกต่างกันในการกำหนดจำนวนร๊อกอะฮฺ ความเห็นที่สอดคล้องกับแนวทางของท่านนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือ 8 ร๊อกอะฮฺ โดยไม่รวมละหมาดวิตร ดังคำกล่าวของท่านหญิงอาอิชะฮฺ ที่ว่า “ท่านนะบีไม่เคยละหมาดมากกว่า 11 ร๊อกอะฮฺ ทั้งในเดือนรอมฎอนและในเวลาอื่น ๆ”
   

   บันทึกโดย : อัลบุคอรีย์ และมุสลิม
   

   
   ญาบิร อิบนฺอับดิลลาฮฺ เห็นคล้อยกับท่านหญิงอาอิชะฮฺ เขากล่าวว่า 

   “แท้จริงเมื่อท่านนะบีได้นำละหมาดร่วมกับมหาชนคืนหนึ่งในเดือนรอมฎอน ท่านได้ละหมาด 8 ร๊อกอะฮฺ และได้ทำวิตร”
   

   บันทึกโดย : อิบนฮิบบาน และอัฎฎอบรอนีย์ และอิบนนัศร   

   และเมื่ออุมัร อิบนุลค็อฎฎ๊อบ ได้ฟื้นฟูการปฏิบัติตามซุนนะฮฺเช่นนี้ ผู้คนได้รวมตัวกันทำการละหมาดตะรอเวี๊ยะฮฺจำนวน 11 ร๊อกอะฮฺ เพื่อให้ตรงกับซุนนะฮฺที่ถูกต้อง ดังที่มาลิก อิบนฺอะนัส ได้บันทึกไว้ในหนังสือของเขา (1/115) ด้วยสายสืบที่ถูกต้องที่สุดจากมุฮัมมัด อิบนยูซุฟ จากอัซซายิบ อิบนยะซีด กล่าวว่า 

   “อุมัร อิบนุลค๊อฎฎ๊อบ ได้ใช้ให้อุบัย อิบนฺก๊ะอฺบ และตะมีม อัดดารีย์ เป็นอิหม่ามนำละหมาดตะรอเวี๊ยะฮฺแก่มหาชนจำนวน 11 ร๊อกอะฮฺ และกล่าวว่า ผู้นำละหมาดได้อ่านจำนวนหลายร้อยอายะฮฺ จนกระทั่งพวกเราใช้ไม้เท้ายัน เพราะต้องยืนเป็นเวลานาน และจะไม่เลิกจากการละหมาดจนกระทั่งก่อนจะถึงเวลาฟัจรฺเพียงเล็กน้อย”

       ที่มา : http://www.thaiislamic.com/islah/romdon20.htm (จากข้อมูลที่เก็บเอาไว้)   ** ร็อกอะฮฺ หรือ ร็อกอัต หมายถึง ยืน  ก้ม(รูกั๊วะ) 1 ครั้ง  กราบ(สุญูด ) 2ครั้ง เรียกว่า  1 ร็อกอะฮฺ  

   
   ที่มา
   http://www.annisaa.com/forum/index.php?topic=710.0