ผู้หญิงที่ความสุขในการทำอิบาดะห์หายไปหลังจากแต่งงาน
หญิงนางหนึ่งได้ถามแก่เชคคนหนึ่ง
“โอ้เชค ก่อนที่ฉันจะนิกะฮฺ ตอนที่ฉันยังเป็นสาวโสดเป็นผู้ที่ถือศีลอด และนมาซยามค่ำคืนอยู่เป็นเนื่องนิจ ฉันสามารถรับรู้ได้ถึงรสชาติความสุขเป็นอย่างมากในการอ่านกุรอาน… แต่ทว่าตอนนี้ฉันรู้สึกว่าความสุขดังกล่าวได้หายไปจากตัวฉัน”….!
?? เชค: อย่างนั้นเหรอ.. สิ่งที่เธอเอาใจใส่ต่อสามีของเธอมากที่สุดคืออะไร?
ผู้หญิงคนนั้น: โอ้เชค ฉันถามท่านเกี่ยวกับอัลกุรอาน การถือศีลอด การนมาซ และความสุขของการตออะห์…. แต่ท่านกลับถามฉันเกี่ยวกับเรื่องสามีของฉัน?
?? เชค: ใช่.. โอ้พี่น้อง… ทำไมถึงมีผู้หญิงจำนวนหนึ่งทีไม่สามารถสัมผัสกับความหอมหวานของอีมาน และความสุขในการตออะห์ และอีบาดะห์ได้อีก?
นบี ﷺ กล่าวว่า :
* ( ولا تَجدُ المرأة حلاوة الإيمان حتَّى تؤدِّي حقَّ زوجها )
“ผู้หญิงคนหนึ่งจะไม่รู้สึกถึงความหอมหวานของอีมาน จนกว่านางจะเติมเต็มสิทธิของสามีนาง” [ศอหิฮฺ ตัรฆีบ : 1939]
*สิทธิต่างๆที่ต้องกระทำนั้นมีอะไรบ้าง?*
? (จงดู) ภรรยาของสะอีด บิน อัลมุสัยยับ ขออัลลอฮฺเมตตา ได้กล่าวว่า:
( ما كنَّا نُكلِّم أزواجَنَا إلَّا كما تُكلِّمون أمراءَكم )
_“พวกเราไม่พูดถึงสามีของพวกเรา นอกจากเหมือนที่พวกท่านพูดถึงผู้ปกครองของท่าน_ (นั่นคือ ไม่ด่าทอผู้ปกครองต่อสาธารณะ พูดสิ่งไม่ดีต่างๆของพวกเขา ถอนตัวออกจากการตออัต เป็นต้น ..ผู้แปล) _[หิ้ลยะเอาลียาอฺ_ 5/168].
แท้จริง นี่คือเกียรติ และตำแหน่งที่สูงส่งในหัวใจของภรรยาที่มีต่อสามี
? นบี ﷺ ได้เคยถามคนหนึ่งจาก ศอหาบียะห์?
أذاتَ بَعْلٍ ؟
“เธอมีสามีใช่ใหม?”
หญิงคนนั้นตอบ : “ใช่ค่ะ”
แล้วนบี ﷺ ถามว่า :
كيف أنتِ له؟
“ท่าทีของเธอที่มีต่อสามีเป็นอย่างไรบ้าง?”
ศอหาบียะฮ์คนดังกล่าว ตอบว่า:
لا آلوه “أي” ( لا أقصِّر في طاعته )
“ฉันไม่เคยดูถูกการเชื่อฟังต่อเขา”
แล้วนบี ﷺ กล่าวว่า :
( فانظري أين أنت منه إنَّما هو جنَّتُك ونارُك )
*_“จงให้ความสนใจท่าทีของเธอต่อเขา เพราะแท้จริงสามีนั้นคือ สวรรค์ของเธอ และนรกของเธอ”_* [ศอหิฮ์ ตัรฆีบ : 1933]
?อิบนุอับบาส รอฎิยัลลอฮุอันฮุมา ศอหาบะฮ์อะลีตัฟสีรอัลกุรอาน ได้กล่าวถึงดำรัสอัลลอฮฺ ﷻ :
( فالصالحات قانتات حافظات للغيب…)
“`“ดังนั้นบรรดาผู้หญิงที่ศอลิหะฮฺ คือพวกเขาที่กอนิตาต และรักษาตัวเองตอนที่สามีของนางไม่อยู่…”“` (อันนีซาอฺ : 34)
ถูกระบุ قانتات (กอนีตาต)นั่นคือ طائعات ﻷزواجهن،
บรรดาผู้หญิงที่ตออัตต่อสามีของพวกเขา
พวกเขาไม่ถูกใช้คำว่า طائعات (ตออีอาต) แต่ถูกใช้คำว่า กอนีตาต เพราะคำว่า”กูนูต” (รากศัพย์กอนิตาต) มีความหมายว่า *เชื่อฟังที่เข้มงวด และสมบูรญ์แบบ*
*จะรู้ได้อย่างไร ว่าภรรยาคนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่ศอลีหะตออัต?*
إن نظر إليها سرَّتْه ..
? หากเขามองนาง นางก็ทำให้สามีมีความสุข
وإنْ أمرها أطاعتْه ..
? หากเขาได้สั่งใช้ นางก็เชื่อฟังสามี
وَإِنْ أقسم أبرَّتْه ..
? หากเขาได้รับส่วนแบ่ง(คิว) ดังนั้นนางก็ยอมรับ(เต็มใจ)
وَإِنْ غابَ عنها حفظتْه في نفسها وماله ..
? หากสามีไม่ได้อยู่ข้างๆ ดังนั้นนางก็รักษาเกีรยติ และทรัพย์สินของสามี
إِنْ غابَ عن عينها علمت ما يغضبه؛ فانتهت عنه
? หากสามีเมินหน้าจากเขา ดังนั้นเขารู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้สามีโกรธ แล้วเขาหยุด(ทำให้สามีโกรธ)
– ولا تصرفات لا يرضاها .
? ไม่มีความประพฤติที่ให้เขาไม่พอใจ
– ولا أقلَّ ولا أكْثرَ ممِّا لا يريده .
? ไม่มีคำว่าน้อย หรือมากที่เขาไม่ต้องการ
? นบี ﷺ กล่าวว่า :
( ألا أخبركم بنسائكم في الجنة ؟ الودود الولود إذا غَضِبتْ أو أسيء إليها أو غضب زوجها قالت: هذه يدي في يدك لا أكتحلُ بِغمْضٍ حتى ترضى )
_เอาไหม ฉันจะบอกพวกท่านถึงภรรยาของพวกท่านในสวรรค์? นั่นคือพวกเขาผู้หญิงที่ให้ความรัก และสมบูรณ์(มีทายาทได้มากๆ) เมื่อพวกเขาโกรธ หรือกระทำสิ่งไม่ดี หรือสามีโกรธเขา ดังนั้นพวกเขากล่าวว่า “นี่มือฉันอยู่ในกำมือของท่าน ฉันไม่สามารถหลับตาลงได้จนกว่าท่านจะพอใจต่อฉัน(ให้อภัยฉัน)”*_ _[_ศอหิฮ์ ตัรฆีบ : 1941].
? ผู้หญิงคนหนึ่งที่ศอลีหะฮฺ คือที่นึกถึงคำกล่าวรอซูล ﷺ ที่กล่าวว่า
( لا يَنظر الله إلى امرأة لا تشكر لزوجها )
_“อัลลอจะฮฺไม่มองหญิงที่ไม่อยากขอบคุณแก่สามีของนาง”_ [บันทึกโดยนสาอี และหากิม ด้วยสะนัดที่สอฮีอฺ]
เรื่องนี้จะไม่หายไปจากความคิดของผู้หญิงที่ศอลีหะฮ์
? รอซูลกล่าวอีกว่า ﷺ :
( لو كنتُ أمرتُ أحداً أنْ يسجد ﻷحد ﻷمرتُ المرأةَ أنْ تسجدَ لزوجها )
_“หากว่าฉันถูกอนุญาติสำหรับใช้ให้คนหนึ่งๆสุญูดแก่คนอื่นได้ แน่นอนฉันใช้ให้ภรรยาสุญูดต่อสามี”_ _[ศอหอห์ อัตตัรฮีบ]_.
? ส่วนหนึ่งเกณฑ์ที่การงานของผู้หญิงคนหนึ่งจะถูกตอบรับ คือความพอใจของสามี นบี ﷺ กล่าวว่า :
( ولا تؤدِّي المرأة حق الله عزوجل حتى تؤدِّي حق زوجها كله )
_“ผู้หญิงคนหนึ่งจะไม่ถูกนับว่าปฎิบัติสิทธิของอัลลอฮฺ ﷻ จนกระทั่งนางปฏิบัติสิทธิของสามีนางทั้งหมด”_ _[ศอหิห์ อัตตัรฆีบ : 1943]
? นบี ﷺ ก็ได้เตือนบรรดาผู้หญิง จากคำกล่าวที่ว่า :
( إثنان لا تجاوز صلاتهما رؤسهما، عبد آبق من مواليه حتى يرجع، وامرأة عصتْ زوجها حتى ترجع )
_“มีอยู่สองกลุ่มที่นมาซของเขาจะไม่เลยศรีษะเขาไป(ไม่ถูกยกไปถึงอัลลอฮฺ …ผู้แปล) นั่นคือบ่าวที่หนีจากนายของเขาจนกว่าเขาจะหวนกลับมาหานาย และหญิงนางหนึ่งที่ดื้อดึงต่อสามีของนางจนกระทั่งนางได้กลับตัว”_ _[ศอหิห์ อัรตัรฆีบ: 1948].
?ถอดความจากบทความที่เผยแพร่ โดยเชค วาลิด สัยฟุน นัศรฺ ในกลุ่ม
✍abinyasalma
อ้างอิงและขอบคุณ: Sulaiman HU Rodnuan