สองนักปราชญ์เตาบะฮ์เพราะเพียงอายะฮ์เดียว

ADMIN

ท่านอัลกอฎีย์ บิน อะยาฎ (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ)

ท่านอัลฟุฏัยล์ บิน อิยาฎ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ อดีตโจรนักดักปล้นสดมภ์ในยามค่ำคืน ผู้กลายเป็นอุลามาอฺร็อบบานียีน เขาได้เจอหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งรู้สึกชอบและรักหลงไหลตัวนางเป็นอย่างมาก จิตใจของเขาเฝ้าถวินหานางอยู่ตลอดเวลา ค่ำคืนหนึ่งเขาได้วางแผนและเลือกช่วงเวลาอันเหมาะในยามรัตติกาลเพื่อไปยังบ้านของนาง ในช่วงเวลานั้น เป็นค่ำคืนอันเงียบสงัดไม่มีเสียงอันใดนอกจากเสียงย้ำเท้าของเขา ขณะที่เขาได้มองไปข้างหน้า ปรากฏว่าสองตาของเขานั้นได้เห็นบ้านของนางลาง ๆ ในท่ามกลางความมืด เขาได้จินตนาการว่า กำลังยืนอยู่หน้าบ้านและได้เห็นความงดงามของเสื้ออาภรณ์อันบางพริ้วที่นางได้สวมใส่เพื่อรอคอยเขาอยู่ ในช่วงเวลาดังกล่าว มีความเงียบสงัด ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนนอนหลับไหล

ในห้วงแห่งความรู้สึกถวินหาเช่นนี้ อัลฟุฎัยล์ไม่ลังเลใจที่จะค้นหาหนทางอันสะดวกที่สุดเพื่อขึ้นไปบนกำแพงบ้านของนาง แล้วเขาก็ไต่ขึ้นไปจนสุดกำแพง และก่อนที่เขากระโดนลงมาภายกำแพงบ้านนั้น เขาได้ได้ยินเสียงหนึ่งที่สามารถทำให้หูของเขาอยากที่จะสดับฟังมันอีกเพื่อทำให้จิตใจของเขาสงบ แต่เมื่อถึงเวลาอันเหมาะที่ได้วางแผนไว้มาถึง ทันใดนั้นเขาจึงได้ยินเสียงผู้อ่านอัลกุรอานในยามค่ำคืนได้อ่านอายะฮ์ที่ว่า

أَلَمْ يَأْنِ لِلَّذِينَ آمَنُوا أَن تَخْشَعَ قُلُوبُهُمْ لِذِكْرِ اللَّهِ وَمَا نَزَلَ مِنَ الْحَقِّ وَلَا يَكُونُوا كَالَّذِينَ أُوتُوا الْكِتَابَ مِن قَبْلُ فَطَالَ عَلَيْهِمُ الْأَمَدُ فَقَسَتْ قُلُوبُهُمْ

“ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือ สำหรับบรรดาผู้มีศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะนอบน้อมเพื่อระลึกถึงอัลเลาะฮ์และระลึกถึงสัจธรรม (แห่งอัลกุรอาน)ที่ลงมา? และพวกเขาจงอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่เคยถูกประทานคัมภีร์ให้เมื่อยุคก่อน ๆ แต่แล้วเมื่อกาลเวลาได้ผ่านพวกเขาไปอย่างยาวนาน หัวใจของพวกเขาก็แข็งกระด้าง” อัลหะดีด : 16

ในช่วงเวลาดังกล่าว จิตใจของอัลฟุฏัยล์จึงปลดปล่อยตนเองให้พ้นจากพันธนาการความขุ่นหมองของจิตใจทีละเล็กละน้อย ความแข็งกระด้างที่มาห่อหุ้มหัวใจได้หลุดออกไปทีละนิดละน้อยภายใต้ความรักต่ออัลเลาะฮ์ที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา ดังนั้นเขายังคงสดับฟังถ้อยคำอายะฮ์เหล่านี้ที่โปรยไปด้วยความรักต่ออัลเลาะฮ์และจิตใจที่ตำหนิตนเองอย่างแผ่วบาง จนกระทั่งถ้อยคำของอายะฮ์ดังกล่าวนี้ ได้จุดประกายสู่หัวใจ ความรักในอัลเลาะฮ์และความรู้สึกที่คลุกกรุ่นอยู่นั้นได้มากระเทาะและขัดเกลาหัวใจของเขา แล้วมันก็ทำให้ตะเกียงของหัวใจอันดับสนิทกลับส่องแสงขึ้นมาและไฟของหัวใจที่ดับมอดก็ถูกจุดประกายขึ้น ทันใดนั้น เขาได้แผดเสียงอันดังฟ่าความเงียบสงัดรอบ ๆ ตัวเขา ว่า “หามิได้ โอ้ ผู้ภิบาลของฉัน แท้จริงมันถึงเวลาแล้ว!”

และในช่วงเวลานั้นเขาก็เปลี่ยนไป และเขาก็ตกลงมาจากกำแพงที่เขาไต่ขึ้นไป แล้วก็รีบวิ่งอย่างผู้ที่เจ็บปวดพรางกล่าวซ้ำไปซ้ำมาว่า “หามิได้ โอ้ ผู้ภิบาลของฉัน แท้จริงมันถึงเวลาแล้ว!” ดู หนังสือ มุคตะซ็อร ของอิบนุอะซากิร 20/299 เรื่องการเตาบะฮ์ของท่านอัลฟุฏัยล์ บิน อะยาฎ , หนังสือซิยัรอะลามอันนะบะลาอฺ ของท่านอัซซะฮะบีย์ 8/423

ในช่วงท้ายของคืนดังกล่าวนั้น การสร้างพันธะสัญญาก็ได้เกิดขึ้นระหว่างบ่าวกับผู้อภิบาลของเขา และในความมืดของช่วงเวลานั้น อัลฟุฏัยล์ บิน อิยาฎ ในคราบผู้ร้ายดักปล้นสะดมก็ถูกฝัง เพื่อเกิดใหม่เป็นนักปราชญ์ร็อบบานีย์ ผู้สมถะและปราดเปรื่อง ผู้มีนามว่า อัลฟุฎัยล์ บิน อิยาฎ

ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ มุบาร็อก (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ)

ชายหนุ่มที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยอันมีจะกิน ชอบร้องรำทำเพลงเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป่าขลุ่ย ท่านอิบนุ มุบาร็อก กำเหนิดที่เมืองคุร่อซาน ปี ฮ.ศ. 118 บิดาของเขาเป็นชาวตรุกี ซึ่งเป็นทาสภายใต้การครอบครองของพ่อค้าคนหนึ่งของเมืองฮัมซาน จากเผ่าบนีฮันซ่อละฮ์

ท่านอิบนุลอิมาด ได้กล่าวรายงานไว้ในหนังสือชะษะรอตุษษะฮับ ความว่า “บิดาของท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ มุบาร็อก เป็นคนดูแลสวนให้เจ้านายของเขา ครั้งหนึ่งเจ้านายให้เข้ามาหาเขา และขอให้เขานำผลทับทิมเปรี้ยวมาให้เจ้านาย ดังนั้นเขาก็นำมามาให้ผลหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นผลทับทิมที่มีรสหวาน เจ้านายจึงขอให้เขานำผลทับทิมเปรี้ยวผลที่สองมาให้อีกทั้ง ปรากฏว่าผลทับทิมก็หวานเหมือนกับผลแรก เจ้านายจึงกล่าวตำหนิเขาว่า เจ้าทำงานในสวนนี้นานเท่าไหร่แล้ว เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าผลทับทิมใหนที่เปรี้ยวผลใหนที่หวาน?! เขาตอบว่า ฉันจะรู้ได้อย่างไร ในเมื่อฉันไม่เคยลิ้มรสมันเลย เจ้านายกล่าวว่า มันเป็นเพราะเหตุใด? เขาตอบว่า เพราะแท้จริงท่านไม่เคยอนุญาตให้ฉันลิ้มรสมัน ดังนั้นเจ้านายจึงมีความประทับใจในความวะเราะอฺและการมีความรับผิดชอบของเขา

เจ้านายมีบุตรสาวคนหนึ่งซึ่งมีผู้คนมาสู่ขอมากมาย เจ้านายจึงกล่าวแก่เขาว่า โอ้ มุบาร็อก บุตรสาวที่เจ้าได้เห็น เราจะทำการแต่งงานให้กับบุตรสาวคนนี้? เขากล่าวว่า ในสมัยญาฮิลียะฮ์นั้น พวกเขาแต่งงานเพื่อเกียรติยศ , พวกยาฮูดีย์แต่งงานเพราะทรัพย์สิน , พวกนะซอรอแต่งงานเพราะความสวย และประชาชาตินี้แต่งงานเพราะมีศาสนา เจ้านายจึงมีความประทับใจในสติปัญญาของเขาเป็นอย่างมาก เจ้านายจึงกล่าวแก่(ภรรยาผู้เป็น)มารดาของบุตรสาวตนว่า บุตรสาวจะไม่มีสามีคนใดนอกจากเขาคนนี้ ดังนั้นเจ้านายจึงปล่อยเขาให้เป็นอิสระชน แล้วจัดการแต่งงานให้ แล้วกำเหนิดบุตรชายนามว่า อับดุลลอฮ์ (อิบนุ มุบาร็อก)” หนังสือชะษะรอตุษษะฮับ 1/296

ท่านอิบนุมุบาร็อกได้เติบโตขึ้น โดยจิตใจของเขาก็มีอุปนิสัยและความปรารถนาเหมือนกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาเป็นคนที่ชอบร้องรำทำเพลง ชำนาญในการเล่นเครื่องดนตรีที่ทำด้วยไม้ เช่น การเป่าขลุ่ย ต่อมาเขาได้ละเลิกสิ่งดังกล่าวทั้งหมดและมุ่งหน้าหันไปศึกษาวิชาความรู้

ท่านอิบนุมุบาร็อก ในช่วงแรก ๆ ที่ได้ละเลิกจากความเพลิดเพลินของดุนยาและมุ่งหาอัลเลาะฮ์นั้น ท่านได้เล่าเรื่องราวของท่านให้ฟังว่า “ในวันหนึ่ง ขณะที่ฉันได้อยู่ในสวน ฉันก็อยู่ในช่วงวัยหนุ่มเหมือนกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ตอนนั้นอยู่ในช่วงฤดูร้อน บรรดาผลไม้เริ่มสุขงอม เราจึงกินและดื่มกัน ฉันชอบเล่นและหลงไหลเครื่องดนตรีที่ทำมาจากไม้เป็นอย่างมาก ซึ่งบางคืนฉันก็เผลอนอนหลับไป หลังจากนั้นก็ตื่นขึ้นมา กิ่งไม้ก็ได้พริ้วไหวที่ศีรษะของฉัน ซึ่งทำให้มีบรรยากาศอย่างมาก ฉันจึงหยิบขลุ่ยขึ้นมาเพื่อจะเป่า ทันใดนั้นไม้ขลุ่ยจึงพูดขึ้นว่า

أَلَمْ يَأْنِ لِلَّذِينَ آمَنُوا أَن تَخْشَعَ قُلُوبُهُمْ لِذِكْرِ اللَّهِ وَمَا نَزَلَ مِنَ الْحَقِّ وَلَا يَكُونُوا كَالَّذِينَ أُوتُوا الْكِتَابَ مِن قَبْلُ فَطَالَ عَلَيْهِمُ الْأَمَدُ فَقَسَتْ قُلُوبُهُمْ

“ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือ สำหรับบรรดาผู้มีศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะนอบน้อมเพื่อระลึกถึงอัลเลาะฮ์และระลึกถึงสัจธรรม (แห่งอัลกุรอาน)ที่ลงมา? และพวกเขาจงอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่เคยถูกประทานคัมภีร์ให้เมื่อยุคก่อน ๆ แต่แล้วเมื่อกาลเวลาได้ผ่านพวกเขาไปอย่างยาวนาน หัวใจของพวกเขาก็แข็งกระด้าง” อัลหะดีด : 16

ฉันจึงเอาขลุ่ยขว้างลงบนพื้นจนกระทั่งมันแตก แล้วฉันก็ละเลิกจากสิ่งที่มีอยู่ ณ ที่ฉันจากสิ่งทั้งหมดที่ทำให้ฉันห่างจากอัลเลาะฮ์ แล้วทางนำจากอัลเลาะฮ์ ตะอาลา จึงเข้ามา” ดู หนังสือ มุคตะซ็อร ของอิบนุอะซากิร 14/15

ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่า “ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ มุบาร็อก เป็นอิมามที่ถูกลงมติถึงความเป็นปราชญ์ระดับแนวหน้าและมีเกียรติในทุก ๆ สิ่ง และเขาเป็นผู้ที่เราะห์มัตจากอัลเลาะฮ์จะลงมาเมื่อได้กล่าวถึงเขาและการอภัยโทษจะถูกหวังด้วยการมีความรักต่อเขา” หนังสือ ตะฮ์ซีบ อัลอัสมาอฺ อัลลุฆ๊อต ของอิมามอันนะวาวีย์ 1/285

เราจะเห็นว่า เพียงแค่อายะฮ์ ที่ 16 ซูเราะฮ์อัลหะดีดอายะฮ์เดียวนี้ อัลเลาะฮ์ได้ทำให้บรรดาผู้ที่ห่างไกลจากพระองค์ได้ตื่นจากความหลับไหล มันเป็นอายะฮ์ที่ทำให้ผู้ที่หลงลืมได้ตระหนักคิด และชี้นำต่อบรรดาผู้ฝ่าฝืนต่อพระองค์ และเราก็ทราบกันดีว่า บุคคลประเภทนี้เป็นชนส่วนน้อยที่ได้รับการคัดเลือกและความโปรดปรานจากอัลเลาะฮ์ตะอาลา เป็นพิเศษ ดังที่พระองค์ทรงตรัสรับรองไว้ว่า

اللَّهُ يَجْتَبِي إِلَيْهِ مَن يَشَاءُ وَيَهْدِي إِلَيْهِ مَن يُنِيبُ

“อัลเลาะฮ์ทรงคัดเลือกบุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงชี้นำแก่ผู้ที่มีจิตนอบน้อมกลับคืนสู่พระองค์ให้ยอมรับในสิ่งนั้น” อัชชูรอ 13

ขอต่อเอกองค์อัลเลาะฮ์ตะอาลา ให้เราทั้งหลายอยู่ในกลุ่มชนที่พระองค์ทรงคัดเลือกหรือกลุ่มชนที่พระองค์ทรงชี้นำด้วยเถิด อามีนยาร็อบ

วัลลอฮุอะลัม

ที่มา:ซุนนะห์สติวเด้นท์