คำสอนสุดท้าย ของศาสดามูฮำหมัด (ซ.ล.)  

ADMIN

ในวันที่ 8 ซุลฮิจยะฮฺ ศาสดามูฮำหมัด (ซ.ล.) บรรดามุสลิมได้ไปพักอยู่ที่ตำบทมีนาและค้างอยู่ที่นั้น วันรุ่งขึ้นท่านได้ขี่อูฐเดินทางไปยังภูเขาอะรอฟะฮฺได้ตั้งกระโจมพักอยู่ตรงด้านตะวันออกของภูเขาตรงจุดที่เรียกกันว่า นะมีรอฮฺ ในตอนเที่ยงทานได้เดินทางไปถึงภูเขานูร ณ ที่นี่เองท่านได้นั่งบนหลังอูฐ และเริ่มเทศนาสั่งสอนชาวมุสลิมด้วยอันโด่งดังโดยมีเราะบีอะ อิบนุ อุมัยยะห์ อิบนุ เคาะลัฟ คอยพูดซ้ำที่ละประโยค ศาสดาเริ่มต้นด้วยการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าขอบคุณพระองค์แล้วท่านก็กล่าวสุนทรพจน์ดังต่อไปนี้

         “ โอ้ ท่านทั้งหลาย จงตั้งใจฟังคำพูดของฉันเพราะฉันไม่รู้ว่าฉันจะได้พบกับพวกท่านในโอกาสเช่นนี้อีกเมื่อไร โอ้ ท่านทั้งหลายชีวิตและทรัพย์ของพวกท่านเป็นสิ่งท่ต้องห้ามและเป็นสิ่งที่คนหนึ่งคนใดจะมาละเมิดมิได้ จนกว่าพวกท่านจะได้พบกับพระผู้อภิบาล เสมือนกับวันที่บริสุทธิ์นี้และเดือนนี้เป็นเวลาที่ต้องห้ามสำหรับพวกท่านและเมืองนี้ก็เป็นเมืองต้องห้ามสำหรับพวกท่านทั้งหลายพวกท่าทั้งหลายจะต้องได้รับการสอบสวนจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านของพวกท่านในกิจการงานทุกอย่างที่พวกเจ้าได้กระทำไว้”
 

   
          “ โอ้ประชาชนทั้งหลาย พวกท่านทั้งหลายมีสิทธ์ที่ได้รับมอบหมายเหนือฝ่ายสตรีและฝ่ายสตรีก็มีสิทธิ์เหนือฝ่ายชายเช่นกันในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ดังนั้นพวกท่านจงได้ปกป้องดูแลภรรยาของพวกท่านด้วยความรักความเมตตาเถิดแน่นอนใครที่ทำได้เช่นนั้นก็เท่ากับเขาได้ปกครองดูแลภรรยาของเขาเขาเอาไว้ให้อยู่ในความพิทักษ์รักษาของพระผู้เป็นเจ้า พวกเจ้าทั้งหลายจงรักษาความศรัทธาเชื่อมั่นให้คงไว้ในจิตของพวกท่านและจงหลีกเลี่ยงออกจากเรื่องบาปกรรมชั่ว ดอกเบื้อเป็นสิ่งที่ต้องห้าม สำหรับลูกหนี้ให้ส่งคืนเฉพาะเงินในส่วนเงินที่ยืมมาและเรื่องของดอกเบี้ยจะเป็นต้องถูกยกเลิก”
  

 
          “นับแต่นี้ต่อไป เรื่องของการแก้แค้นทดแทนกันด้วยเลือด เช่น ในสมัยยุคป่าเถื่อนเป็นเรื่องต้องห้าม การอาฆาต จองล้างจองพลาญกันด้วยด้วยเลือดต้อสิ้นสุดกันเสียที”
  

 
          “โอ้ ประชาชนทั้งหลาย บรรดาข้าทาสคนใช้ของพวกท่านที่อยู่ในความดูแลของพวกท่านนั้น จงเลี้ยงดูพวกเขา เช่น อาหารที่พวกท่านรับประทาและให้เสื้อผ้า   เครื่องนุ่มห่มแก่พวกเขาด้วยเครื่องนุงห่มที่เพวกท่านใช่ หากพวกเขากระทำในสิ่งที่เป็นความผิดพลาดชนิดที่ท่านไม่ปรารถนาที่ไม่อภัยให้พวกเขาก็จงแยกทางกับเขาเสีย อย่าทำร้ายเฆี่ยนตีทำทารุณพวกเขา เพราะเขาก็ต่างเป็นบ่าวของพระองค์เช่นเดี่ยวกัน”
    

          “โอ้ ประชาชนทั้งหลาย มารร้ายนั้นหมดสิ้นความหวังทั้งมวลที่จะได้รับการเคารพบูชาในแผ่นดินของพวกท่านแล้ว แต่กระนั้นก็ตามมันยังเป็นห่วงที่กำหนดการกระทำอันต่ำต้อยของพวกท่านอยู่ เพราะฉะนั้นจงระมัดระวังมันไว้เถิดเพื่อความปลอดภัยแห่งตัวท่านและศาสดาของท่าน”
  

          “ โอ้ ประชาชนทั้งหลาย พวกท่านจงรำลึกและจดจำในสิ่งที่ฉันพูด  พวกท่านต้องรำลึกเสมอว่า มุสลิมทุกคนนั้นมีฐานะเป็นพี่น้องกัน พวกท่านทั้งหลายต่างมีความเท่าเทียมกัน  และขอให้ทุกคนมีความพอใจในสิทธิและหน้าที่รับผิดชอบที่เรามีอยู่เสมอหน้ากัน  พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่เป็นสมาชิกของสังคมพี่น้องเดี่ยวกัน จงปกป้องตัวของท่านให้ห่างไกลจากความ อยุติธรรมในทุกกรณี ขอให้บุคคลที่มาอยู่ที่นี้จงนำสิ่งที่ได้ยินจากฉันไปบอกเล่าแก่บุคคลที่ไม่ได้มาอยู่ ณ ที่นี้เพราะอาจเป็นไปได้ว่าคนที่ไม่ได้รับการบอกเล่านั้นอาจมีความจดจำได้ดีกว่าบุคคลที่ได้ยินไปจากฉันโดยตรงก็เป็นได้ และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจเขาต้องไม่ให้ผ็ที่ไว้วางใจเขาต้องประสบความผิดพลาด”
  

          “โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย หากเมื่อเมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องจากพวกท่านไปไปแล้ว พวกท่านจง อย่าได้หันกลับไปต่อสู้เป็นศัตรูหลั่งเลือดกัน เหมือนอย่าเช่นสมัยแห่งความโง่เขลาดังกล่าวได้ผ่านมา แท้จริงฉันได้มอบสิ่งหนึ่งแก่พวกท่านทั้งหลายซึ่งหากพวกท่านยึดเอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว ท่านททั้งหลายจะไม่หลงทางออกสู่แนวทางที่เหลวไหลเป็นอันขาด สิ่งนั้นคือ อัลกุรอานและสุนนะห์ของฉัน”
  

          “โอ้  ศรัทธาชนทั้งหลาย แท้จริงพระผู้เป็นเจ้าเป็นเจ้าของพวกท่านนั้นมีองค์เดี่ยว ต้นตระกูลของพวกท่านก็สืบเชื้อสายเดี่ยวกัน  นั้นคืออาดำและอาดำนั้นถูกสร้างมาจากดิน แท้จริงผู้ที่มีเกียรติที่สุดในหมู่พวกเจ้านั้นคือ ผู้ที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺมากที่สุด ตนอาหรับก็หาใช่จะเป็นคนดีเลิศกว่าคนชาติอื่นๆ  นอกจากพวกเขาจะมีความยำเกรงมากกว่าเท่านั้น”
  

          “โอ้ ท่านทั้งหลาย จงสดับรับฟังถ้อยคำของฉันให้ดี จงรู้เถิดว่า มวลมุสลิมนั้นย่อมเป็นพี่น้องกัน และจงรู้เถิดว่า บรรดามุสลิมก็คือภราดรภาพอันเดี่ยวกัน ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของพี่น้องมุสลิมด้วยกันจะเป็นของมุสลิมโดยถูกต้อง นอกจากกว่าเขาผู้นั้นจะให้โดยความเต็มใจและไม่คิดมูลค่าเพิ่ม เพราะฉะนั้นจงอย่ากระทำการอยุติธรรมต่อตัวท่านเอง”
    

          และท่านนบีได้อ่านโองการจากคัมภัร์อัลกุรอาน ซูเราะหฺ อัลมาอีดะห์ อายะที่4  ซึ่งมีใจความว่า

            “ ในวันนี้ข้าได้ให้ศาสนาของข้าแก่พวกเจ้าไว้อย่าครบครัน ได้มอบกรุณาธิคุณของข้าให้แก่พวกเจ้าไว้อย่าครบครัน และข้ายินดีเลือกเฟ้นให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาของพวกเจ้า”
  

____________________________      

          ที่มา หนังสือ ตะวันขึ้นที่มาดีนะห์

            งานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ฮ.ศ. 1416

ที่มา:ซุนนะห์สติวเด้นท์