เงื่อนไขการเตาบะฮ์
การเตาบะฮ์จากบาปนั้นมีสองประเภท คือ:
เงื่อนไขของการเตาบะฮ์จากบาปที่เป็นสิทธิของอัลเลาะฮ์มี 3 ข้อ
ท่านอิมามอิบนุฮะญัร อัลฮัยตะมีย์กล่าวว่า “การละเลิกจากบาปนั้น คือละเลิกจากบาปเพื่ออัลเลาะฮ์ ดังนั้นถ้าหากเขาละทิ้งบาปเพราะกลัว(คนอื่นจะตำหนิ) หรือเพื่อโอ้อวด(ให้คนอื่นรู้ว่าเขาไม่ได้ทำบาปแล้ว) และกรณีอื่นๆ ที่มิได้มีเป้าหมายเพื่ออัลเลาะฮ์ ก็นับว่าเขายังไม่ใช่เป็นผู้ละเลิกบาปอย่างแท้จริง”(1)
ท่านอิมามอัลฆ่อซาลีย์กล่าวว่า “ให้ผู้เตาบะฮ์ละเลิกกระทำบาปเพราะยอมสยบต่อความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์และกลัวการลงโทษของพระองค์เท่านั้น มิใช่ละเลิกจากบาปเพราะปรารถนาในเรื่องของดุนยา กลัวผู้คนจะประณาม ต้องการที่จะได้รับการสรรเสริญและมีชื่อเสียง หรือเพราะว่าร่างกายอ่อนแอ(ไม่สามารถไปทำชั่วได้) หรือเพราะยากจน(จึงไม่เงินไปเล่นการพนันได้) เป็นต้น”(2)
ท่านอิมามอัลฆ่อซาลีย์กล่าวอธิบายว่า “ความโศกเศร้าเสียใจเพราะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์และกลัวการลงโทษของพระองค์นั้น(3) เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ทำการเตาบะฮ์อย่างจริงใจ”(4)
ท่านอิมามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวอธิบายว่า “เขาต้องมั่นใจและตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่กลับไปทำบาปอีก ดังนั้นถ้าหากเขาละทิ้งบาป โดยที่จิตใจนั้นยังลังเลว่า บางทีอาจจะกลับไปกระทำบาปหรือไม่มีความมั่นใจว่าจะละทิ้งบาปนั้นได้ แน่นอนว่าเขาเพียงแค่ละทิ้งบาปเฉยๆโดยมิได้เป็นผู้เตาบะฮ์จากบาปเลย”(5)
ดังนั้นถ้าหากผู้ทำการเตาบะฮ์ได้ขาดเงื่อนไขหนึ่งจากสามเงื่อนไขนี้ การเตาบะฮ์ของเขาถือว่าใช้ไม่ได้และไม่สมบูรณ์
เงื่อนไขของการเตาบะฮ์จากบาปที่เป็นสิทธิของเพื่อนมนุษย์มี 4 ข้อ ซึ่งข้อ 1-3 นั้น เป็นเงื่อนไขเดียวกับการเตาบะฮ์จากบาปที่เป็นสิทธิของอัลเลาะฮ์
ส่วนข้อที่ 4. คือ ผู้เตาบะฮ์ต้องคืนสิทธิ์ของผู้อื่นที่เขาละเมิดมาหรือต้องขอมะอัฟเขา ดังนั้นถ้าหากผู้เตาบะฮ์ไม่ทำให้ตนเองพ้นมลทินจากการละเมิดสิทธิผู้อื่นหรือไม่ขอมะอัฟ แน่นอนว่าเขาอาจจะกลายเป็นคนล้มละลายในวันกิยามะฮ์ เพราะท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวรายงานว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ مَنْ كَانَتْ عِنْدَهُ مَظْلِمَةٌ لِأَخِيهِ فَلْيَتَحَلَّلْهُ مِنْهَا فَإِنَّهُ لَيْسَ ثَمَّ دِينَارٌ وَلَا دِرْهَمٌ مِنْ قَبْلِ أَنْ يُؤْخَذَ لِأَخِيهِ مِنْ حَسَنَاتِهِ فَإِنْ لَمْ يَكُنْ لَهُ حَسَنَاتٌ أُخِذَ مِنْ سَيِّئَاتِ أَخِيهِ فَطُرِحَتْ عَلَيْهِ
“แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ผู้ใดมีสิ่งหนึ่งที่ได้ละเมิดพี่น้องของเขา ดังนั้นเขาก็จงขอหะล้าล(6)มันกับพี่น้องของเขาเถิด เพราะในวันกิยามะฮ์นั้น ไม่มีทองและเงินที่จะมาชดใช้ (ดังนั้นจงขอหะล้าล) ก่อนที่ความดีของเขา(ผู้ละเมิดสิทธิ์)จะถูกนำมาให้กับพี่น้องของเขา ถ้าหากเขาไม่มีความดี แน่นอนความชั่วของพี่น้องเขา ก็จะถูกโยนมาให้แก่เขา(แบกรับไว้แทน)”(7)
ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานเช่นกันว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ أَتَدْرُونَ مَا الْمُفْلِسُ قَالُوا الْمُفْلِسُ فِينَا مَنْ لَا دِرْهَمَ لَهُ وَلَا مَتَاعَ فَقَالَ إِنَّ الْمُفْلِسَ مِنْ أُمَّتِي يَأْتِي يَوْمَ الْقِيَامَةِ بِصَلَاةٍ وَصِيَامٍ وَزَكَاةٍ وَيَأْتِي قَدْ شَتَمَ هَذَا وَقَذَفَ هَذَا وَأَكَلَ مَالَ هَذَا وَسَفَكَ دَمَ هَذَا وَضَرَبَ هَذَا فَيُعْطَى هَذَا مِنْ حَسَنَاتِهِ وَهَذَا مِنْ حَسَنَاتِهِ فَإِنْ فَنِيَتْ حَسَنَاتُهُ قَبْلَ أَنْ يُقْضَى مَا عَلَيْهِ أُخِذَ مِنْ خَطَايَاهُمْ فَطُرِحَتْ عَلَيْهِ ثُمَّ طُرِحَ فِي النَّارِ
“แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า “พวกท่านรู้หรือไม่ว่า ใครคือคนล้มละลาย?” พวกเขาตอบว่า “ผู้ที่ล้มละลายในหมู่พวกเรา คือผู้ที่ไม่มีเงินและไม่มีทรัพย์สิน ดังนั้นท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า “ผู้ที่ล้มละลายจากประชาชาติของฉันก็คือ ในวันกิยามะฮ์ เขาจะมาด้วยการมี(ผลงานของการ)ละหมาด การถือศีลอด และการออกซะกาต(ที่ได้ถูกตอบรับจากอัลเลาะฮ์) แต่เขาเคยด่าคนนั้น เคยกล่าวหาคนนี้ เคยบริโภคทรัพย์สินของคนนั้น(โดยมิชอบ) เคยนองเลือดกับคนนี้ และเคยทุบตีคนนั้น ดังนั้นผู้ล้มละลายก็นั่งลง แล้วบรรดาความดีงามของเขาก็ถูกนำไปให้กับคนนั้น และบรรดาความดีงามของเขาก็ถูกนำมาให้คนนี้ แล้วถ้าหากบรรดาความดีของเขาหมดก่อนความผิดต่างๆ จะถูกชดใช้ ความผิดต่างๆ ของพวกเขาก็จะถูกโยนลงมาบนเขา(ให้แบกรับภาระไว้แทน) หลังจากนั้นเขาก็ถูกโยนลงในนรก”(8)
ในเรื่องสิทธิของมนุษย์นั้น ท่านอิมามอัลฆ่อซาลีย์ได้แบ่งสิทธิดังกล่าวออกเป็น 4 ประเภท(9)
ดังนี้
สรุปคือ สิ่งใดที่ท่านสามารถขอมะอัฟหรือทำให้คู่กรณียินยอมที่จะอภัยให้ ท่านก็ต้องทำ และถ้าหากไม่สามารถกระทำได้ ก็ให้ท่านหวนกลับไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลาด้วยความรู้สึกว่าตนเองเป็นบ่าวที่ต่ำต้อยและวิงวอนให้พระองค์ทรงทำให้คู่กรณีมีความยินยอมที่จะอภัยท่านในวันกิยามะฮ์ เพราะการที่คู่กรณีจะยินยอมให้หรือไม่นั้น ล้วนอยู่ในพระประสงค์ของอัลเลาะฮ์ และให้มีความหวังในความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ว่าพระองค์ทรงรู้ถึงความจริงใจในหัวใจของท่าน ดังนั้นพระองค์ก็จะทำให้คู่กรณียินยอมแก่ท่านอันเนื่องจากขุมคลังแห่งความโปรดปรานที่พระองค์จะทรงเก็บไว้ให้แก่บรรดาผู้ศรัทธานั่นเอง
tags: เตาบะฮฺ