สามีเชื่อฟังภรรยา(เกินไป) หนึ่งในสัญญาณวันสิ้นโลก

ADMIN

สามีเชื่อฟังภรรยาคือหนึ่งในสัญญาณวันสิ้นโลก

” ท่านอบูฮุรอยเราะห์รายงานว่า

ท่านศาสดามูฮัมมัด (ซ.ล)กล่าวว่า เมื่อทรัพย์สมบัติที่ฉกชิงมาถูกฉกชิงกลับ ทรัพย์สินที่มอบให้คุ้มครองดูแลจะถูกปฏิบัติเหมือนกับทรัพย์สินที่ยึดมาซะกาตถูกมองเหมือนกับค่าปรับ การเรียนรู้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่นมากกว่าศาสนา ผู้ชายจะเชื่อฟังภรรยา และไม่กตัญญูรู้คุณต่อ พ่อแม่ของเขา เขาจะชักนำเพื่อนเข้ามาใกล้และขับไสไล่ส่งพ่อแม่ของเขาออกไป บรรดาเสียงทั้งหลายจะดังขึ้นในมัสยิดฯสมาชิกที่ชั่วร้ายที่สุดของเผ่าพันธ์จะกลายเป็นผู้ปกครองคนที่ไม่มีค่าในหมู่ประชาชนจะกลายเป็นผู้นำ มนุษย์จะถูกให้เกียรติและกลัวความชั่วที่เขากระทำ นักร้องหญิงและเครื่องสายจะปรากฎขึ้น เหล้าองุ่นจะถูกดื่ม และคนรุ่นสุดท้ายของประชาชาตินี้จะสาปแช่งคนพวกแรก คอยดูเวลาลมพายุร้าย แผ่นดิไหว หินละลาย ห่าฝน และสัญญลักษณ์เหล่านี้จะตามต่อเนื่องกันมาเหมือน ส่วนของสายสร้อยที่ตกลงมาเมื่อบ่วงของมันถูกตัดขาด

ฮะดิษที่เกี่ยวข้อง

إكرام الرجل مخافة شره :
ومن علامات قيام الساعة: أن يكرم الرجل مخافة شره ، لا لفضله ولا لكرامته ، عَنْ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ قَالَ: قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ:

((إِذَا فَعَلَتْ أُمَّتِي خَمْسَ عَشْرَةَ خَصْلَةً حَلَّ بِهَا الْبَلَاءُ، فَقِيلَ: وَمَا هُنَّ يَا رَسُولَ اللَّهِ؟ قَالَ: إِذَا كَانَ الْمَغْنَمُ دُوَلًا، وَالْأَمَانَةُ مَغْنَمًا، وَالزَّكَاةُ مَغْرَمًا، وَأَطَاعَ الرَّجُلُ زَوْجَتَهُ وَعَقَّ أُمَّهُ وَبَرَّ صَدِيقَهُ وَجَفَا أَبَاهُ، وَارْتَفَعَتْ الْأَصْوَاتُ فِي الْمَسَاجِدِ، وَكَانَ زَعِيمُ الْقَوْمِ أَرْذَلَهُمْ، وَأُكْرِمَ الرَّجُلُ مَخَافَةَ شَرِّهِ، وَشُرِبَتْ الْخُمُورُ، وَلُبِسَ الْحَرِيرُ، وَاتُّخِذَتْ الْقَيْنَاتُ وَالْمَعَازِفُ، وَلَعَنَ آخِرُ هَذِهِ الْأُمَّةِ أَوَّلَهَا فَلْيَرْتَقِبُوا عِنْدَ ذَلِكَ رِيحًا حَمْرَاءَ أَوْ خَسْفًا وَمَسْخًا ))
[ الترمذي عَنْ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ]

จากฮะดิษข้างต้น หนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกถึงวันกิยามะห์ และเป็นสภาพที่ไม่เหมาะสมกับวิถีอิสลาม นั้นคือ สามีจะเชื่อฟังภรรยา ( เกินหหน้าเกินตา )

แนะนำสาวๆที่แต่งงานใหม่กัน หากสามีคุณ อ่อนน้อมกับคุณจนถึงขั้นให้คุณทำเกินเลยกับเขา ซึ่งจริงๆมันเป็นหน้าที่เขา ฉะนั้น แนะนำให้คุณออกห่างพฤติกรรมดังกล่าว และเข้าหาสามีด้วยความอ่อนโยน

ส่วนสามีที่ทำตัวหน่อมแน้มกับภรรยาก็ระวังไว้นะ เพราะอิสลามเราสอนให้วิถีของมนุษย์นั้นสมบูรณ์ ด้วยการทำหน้าที่ของสามีในการให้ภรรยาอยู่ในขันลองของศาสนา สั่งใช้ให้ทำหน้าที่ตามความเหมาะสม และไม่ดุดันกับหล่อนอย่างเกินเลย

สำหรับผู้ยังโสดอยู่เก็บเอาไปใช้กันนะ

แนวทางอิสลามที่แท้จริง

อัลกุรอานอัลลอฮฺ ตรัสความว่า:

“ถ้าหากบรรดาภรรยา ยอมเชื่อฟังสามีตามพวกเจ้า พวกเจ้าไม่ต้องแสวงหาหนทางใดที่จะลงโทษพวกนางอีก แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงเกรียงไกร”

อิบนูกะษิรได้ให้อธิบายอายะฮฺนี้ว่า เมื่อภริยาเชื่อฟังสามีของนางในทุกสิ่งทุกอย่างที่สามีต้องการจากนางในสิ่งที่อัลลอฮฺอนุญาต ทางสามีไม่มีอำนาจใดๆทั้งสิ้นที่จะเอาโทษภรรยา กล่าวคือสามีไม่มีสิทธิ์ที่จะเฆี่ยนตีภรรยา ไม่มีสิทธิ์ทอดทิ้งนาง และคำตรัสของอัลลอฮฺ

” แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงเกรียงไกร เสมือนอัลลอฮฺทรงสั่งให้บรรดาสามีทั้งหลายจงระมัดระวังตนอย่าปฏิบัติต่อภรรยาในลักษณะที่เกินขอบเขตโดยไม่มีเหตุผล เพราะอัลลอฮฺทรงเป็นผู้พิทักษ์ภรรยา ทรงมีอำนาจจะลงโทษผู้ที่กดขี่และเอารัดเอาเปรียบภรรยา”

(อิบนุกาษีรในตัฟสีรอัลกุอานนิลอะซีมเล่มที่ 1 หน้าที่538)

ท่านรสูลุลลอฮฺ ซึ่งเป็นสามีที่เป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมได้สั่ง และแนะนำบรรดาภรรยาให้เชื่อฟังสามี และเมื่อภรรยาเชื่อฟังสามีแล้ว นางจะได้รับผลบุญและจะได้เข้าสวรรค์ ในเรื่องนี้ ท่านรสูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า

” إذا صلت المرأة خمسها وصامت شهرها وحفظت فرجها وأطاعت زوجها، قيل لها: ادخلي الجنة من أي أبواب الجنة شئت ” ( رواه أحمد )

“เมื่อสตรีได้ทำการละหมาดห้าเวลา ( ต่อวัน ) ถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน รักษาอวัยวะเพศของนาง ( ด้วยการห่างไกลจากการผิดประเวณี ) และเชื่อฟังสามีนางก็จะถูกกล่าวว่า จงเข้าสวรรค์ทางประตูใดก็ได้ที่เธอต้องการ”

รายงานโดยอะหฺมัดหะดีษที่ 1661 หะดีษหะสัน (al-Albani,2000:2:412)

ท่านรสูลุลลอฮฺ ได้กล่าวถึงสถานภาพที่สูงส่งของสามีว่า:

” لو كنت آمرا أحدا أن يسجد لأحد لأمرت المرأة أن تسجد لزوجها ”

( رواه الترمذي والبيهقي وابن حبان )

“ถ้าหากว่าฉันสามารถใช้ให้บุคคลหนึ่งกราบ (สุญูด) แก่บุคคลหนึ่งได้ แน่นอนฉันจะใช้ให้ภรรยากราบต่อสามีของนาง”

รายงานโดยอัตติรมีซึย์หะดีษที่1159, อัลบัยฮาคีย์หะดีษที่ 7/291 และอิบนุหิบบานหะดีษที่1291 หะดีษเศาะเหียห์ (al-Albani,2000:2:416)

ท่านรสูลุลลอฮฺ ได้กล่าวถึงความประเสริฐของภรรยาที่เชื่อฟังสามี ว่า:

” أي النساء خير؟ قال : التى تسره إذا نظر، وتطيعه إذا أمر ”

( رواه النسائي )

“สตรีประเภทใดดีที่สุด ท่านรสูลุลลอฮฺ กล่าวว่า สตรีเมื่อสามีมองนางแล้ว เกิดความประทับใจ และนางเชื่อฟังเมื่อสามีสั่ง”

รายงานโดยอันนะสาอีย์หะดีษที่ 3233 หะดีษหะสัน (al-Albani,1985:6:196 )

รายงานจากอัลหุศัยน์ บิน มิหศัน ( เราะฎิยั้ลลอฮฺอันฮ์ ) เขากล่าวว่า

” أن عمة له أتت النبي r فى حاجة ففرغت من حاجتها . فقال لها النبي r : أذات زوج أنت ؟ قالت : نعم . قال : كيف أنت له ؟ قالت : ما آلوه إلا ما عجزت منه
(رواه ابن سعيد وأحمد )

“ป้าของเขาได้มาพบท่านนบี เพราะมีธุระ หลังเสร็จธุระของนาง

ท่านนบี กล่าวถามนางว่า ท่านมีสามีหรือ ?

นางกล่าวตอบว่า มี

ท่านนบี ถามอีกว่า ท่านปฏิบัติอย่างไรต่อสามี ?

นางกล่าวตอบว่า ฉันไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ของฉันเลยเว้นแต่สิ่งที่ฉันไม่สามารถปฏิบัติได้ ”

หะดีษหะสันรายงานโดยอิบนุสะอัดที่7/137 และอะหมัดหะดีษที่ 19212 หะดีษเศาะเหียห์ (al-Albani,2000:2:412)

ทั้งนั้นทั้งนั้น อิสลามมิได้ห้ามการที่สามีจะรับคำแนะนำ หรือคำเตือนจากภรรยาในยามที่ถึงจุดที่ภรรยาจำต้องให้การแนะนำตักเตือน เพราะบางทีสามีก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป และเอกลักษณ์ของชีวิตคู่อีกหนึ่งอย่างนั้นก็คือ การตักเตือนกันและกันด้วยสัจธรรม และด้วยความอ่อนโยน เพื่อพระพักตร์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุวะตะอาลา

ที่มา: อิสลามตามแบบฉบับ