กล่าวอิสติฆฟาร (ขออภัยโทษ)กันหรือยัง

วันนี้กล่าวอิสติฆฟารกันหรือยังครับ

มีรายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ (ร.ฎ) เล่าว่า..ฉันได้ยินท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า..ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮ์ แท้จริงฉันขออภัยโทษ (อิสติฆฟาร) และกลับตัว (เตาบะฮ์) ต่ออัลลอฮ์มากกว่า 70 ครั้งในหนึ่งวัน (รายงานโดยอัล-บุคอรีย์)

และจากท่านอัล-อะฆ็อร อิบนุ ยะสาร อัล-มุซะนีย์ เล่าว่า..ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า..โอ้มนุษย์เอ๋ย! พวกท่านจงกลับเนื้อกลับตัว(เตาบะฮ์)สู่อัลลอฮฺเถิด และพวกท่านจงขอลุแก่โทษ (อิสติฆฟารฺ) ต่อพระองค์ เพราะแท้จริงฉันกล่าวอิสติฆฟารกลับตัวไปยังพระองค์วันละ 100 ครั้ง (รายงานโดยมุสลิม)

และจากท่านอบูหัมซะฮ์ อนัส อิบนุ มาลิก อัล-อันศอรีย์(ร.ฎ)คนรับใช้ของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ (ซ.ล) เล่าว่า..ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า..อัลลอฮ์ทรงดีใจต่อการกลับตัว (เตาบะฮ์) ของบ่าวของพระองค์ยิ่งกว่าความดีใจของคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านที่ได้พบอูฐของเขาโดยบังเอิญ ซึ่งมันได้จากเขาไปในแผ่นดินที่เวิ้งกว้าง (มุตตะฟะกุนอะลัยฮ์)

และจากท่านอบูมูซา อับดุลลอฮ์ อิบนุ ก็อส อัล-อัชอะรีย์ (ร.ฎ) จากท่านนบีย์(ซ.ล) ท่านกล่าวว่า..แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงแบพระหัตถ์ของพระองค์ในเวลากลางคืนเพื่อรับการกลับตัว (เตาบะฮ์) ของผู้ทำผิดในเวลากลางวัน และทรงแบพระหัตถ์ในเวลากลางวันเพื่อรับการกลับตัวของผู้ทำผิดในเวลากลางคืน จนกระทั่งดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก(หมายถึงปรากฏสัญญาณวันกิยามะฮ์) (รายงานโดยมุสลิม)

และจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮ์(ร.ฎ) เล่าว่า..ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า..ใครก็ตามที่กลับตัว (เตาบะฮ์) ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก อัลลอฮ์จะทรงรับการกลับตัวของเขา” (รายงานโดยมุสลิม)

และจากท่านอบูอับดิรเราะหฺมาน อับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัรฺ อิบนุ อัล-ค็อฏฏอบ(ร.ฎ) จากท่านนบีย์ (ซ.ล) กล่าวว่า..แท้จริงอัลลอฮ์ทรงตอบรับการกลับตัว (เตาบะฮ์) ของบ่าวของพระองค์ตราบใดที่วิญญานยังไม่ออกถึงลูกกระเดือก (รายงานโดยอัต-ติรมิซีย์)

และจากท่านซิร อิบนุ หุบัยช์ เล่าว่า..ฉันได้ไปหาท่านศ็อฟวาน อิบนุ อัสสาล เพื่อที่ฉันจะได้ถามเขาเรื่องการเช็ดบนรองเท้าคุฟ แล้วท่านก็ได้ถามฉันว่า ด้วยเหตุใดท่านจึงมาหาฉัน.? ฉันตอบว่า..เพื่อแสวงหาความรู้ แล้วเขาก็กล่าวว่า..แท้จริงบรรดามลาอิกะฮ์จะวางปีกของเขาบนผู้แสวงหาความรู้เพื่อเป็นการแสดงความพึงพอใจต่อสิ่งที่เขาได้แสวงหา

ต่อมาฉันก็กล่าวว่า..ฉันรู้สึกตะขิดตะขวงใจเรื่องการเช็ดบนรองเท้าคุฟหลังจากการอุจจาระและปัสสาวะ และท่านก็เป็นหนึ่งจากบรรดาเศาะหาบะฮ์ของท่านนบีย์ (ซ.ล) ดังนั้นฉันจึงมาถามท่านว่าท่านเคยได้ยินท่านนบีย์ (ซ.ล) พูดถึงเรื่องนี้ไหม.?

เขาตอบว่า.. เคย ท่านได้สั่งใช้ให้พวกเรา เมื่อพวกเราเดินทาง มิให้ถอดรองเท้าคุฟของพวกเราเป็นระยะเวลา 3 วัน 3 คืนนอกจากจะมีญะนาบะฮ์ แต่ทว่า (มิให้ถอด) เนื่องจากการอุจจาระ ปัสสาวะ และนอน และฉันก็ถามเขาต่ออีกว่า..

ท่านเคยได้ยินท่านนบีย์ (ซ.ล) พูดถึงเรื่องความรักไหม.? เขาตอบว่า..เคย ในขณะที่พวกเราอยู่กับท่านนั้น จู่ๆ ก็มีชายชนบทคนหนึ่งเรียกท่านด้วยเสียงอันดังว่า.. โอ้มุหัมมัด แล้วท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ (ซ.ล) ก็ขานตอบด้วยเสียงพอๆ กับเสียงเขาว่า “เราอยู่นี่” และฉันก็กล่าวแก่เขา (ชายอาหรับชนบท) ว่า..นี่ จงลดเสียงของท่านซะ เพราะท่านยืนอยู่ต่อหน้าท่านนบี(ซ.ล) และท่านก็ถูกห้ามมิให้กระทำเช่นนี้!!

ชายคนนั้นตอบว่า: ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ฉันไม่ลดเสียง ชายอาหรับคนนั้นกล่าวว่า..คนๆ หนึ่งรักคนกลุ่มหนึ่งแต่เขาไม่ทันพบกับพวกเขา.? ท่านนบีย์ (ซ.ล) ตอบว่า..คนๆ หนึ่งจะอยู่กับบุคคลที่เขารักในวันกิยามะฮ์ ต่อมาท่านก็ยังคงสนทนากับพวกเราจนกระทั่งท่านพูดถึงประตูบานหนึ่งจากทางทิศตะวันตก ซึ่งมีความกว้างหรือระยะทางความกว้างเท่ากับการเดินทางของผู้ขี่พาหนะเป็นเวลา 40 หรือ 70 ปี

ท่านสุฟยาน ซึ่งเป็นนักรายงานหะดีษคนหนึ่งกล่าวว่า..อยู่ทางประเทศชาม อัลลอฮ์ได้สร้างมันในวันที่พระองค์สร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินเปิดไว้เพื่อตอบรับการกลับตัว (เตาบะฮ์) มันจะไม่ปิดจนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก (รายงานโดยอัต-ติรมิซีย์)

Cr:แว่นตามุสลิม