การรับอะซาน ซุนนะห์ง่ายๆ ที่ผู้คนต่างหลงลืม

ADMIN

รับอะซาน ซุนนะห์ง่ายๆ ที่ผู้คนหลงลืม

การอะซาน คือ การประกาศเพื่อไห้ได้รับรู้ถึงการเข้าเวลาละหมาดด้วยถ้อยคำเฉพาะ การอะซาน นั้นเป็น บทบัญญัติหนึ่งของศาสนาอิสลาม และคุณค่าของมันนั้นยิ่งไหญ่มาก ดังหะดีษที่ได้กล่าวว่า

“لو يعلم الناس ما في النداء والصف الأول ثم لم يجدوا إلا أن يستهموا عليه لاستهمواعليه.(اخرجه البخاري ومسلم).

ความว่า : หากมนุษย์รู้ว่ามีอะไรอยู่ในการอาซานและแถวแรกแล้วไม่มีหนทางจะทำได้ นอกจากจะต้องจับฉลากกันแน่นอนต้องจับฉลากกัน. และหะดีษ

عن معاوية رضي الله عنه قال : سمعت رسول الله -صلى الله عليه وسلم- يقول : المؤذنون أطول الناس أعناقا يوم القيامة”. رواه مسلم

ความว่า : ท่านนบี(ซล)ได้กล่าวว่า : “ผู้ที่ทำการอาซานนั้น จะเป็นคนที่คอที่ยาวที่สุดในวันปรโลก”

รับอะซาน ซุนนะห์ง่ายๆ ที่ผู้คนหลงลืม ซุนนะห์การรับอะซาน ชี้เเจงการตอบรับประโยค “อัศศ่อลาตุคอยรุมมินั้ลเนาวมฺ” เห็นชอบให้ผู้ที่ได้ยินเสียงอะซาน กล่าวรับเหมือนกับที่มุอัซซินกล่าว นอกจากประโยคที่ว่า :

“ฮัยย่าอะลัศศ่อลาฮฺ” และ “ฮัยย่าอะลั้ลฟ่าลาฮฺ” เพราะสิ่งที่เป็นที่เห็นชอบให้กล่าวรับในขณะที่ได้ยินประโยคทั้งสองนั้นคือ : “ลาเฮาล่าว่าลากูว่าต้าอิ้ลลาบิ้ลลาฮฺ” และหลักฐานในเรื่องดังกล่าวนี้คือคำพูดของท่านนบี (ซ.ล.) ที่ว่า :

إِذَا سَمِعتُمُ المُؤَذِّنَ فَقُولُوا مِثلَ مَا يَقُولُ ความว่า : “เมื่อพวกท่านทั้งหลายได้ยินมุอัซซิน(กำลังทำการอาซาน) พวกท่านก็จงกล่าวเหมือนกับที่เขากล่าว”
(บันทึกโดยท่านอิมามบุคอรีและท่านอิมามมุสลิม)
ท่านอิบนุกุดามะฮฺ رحمه الله ได้กล่าวว่า : “ฉันไม่ทราบว่ามีการขัดแย้งใดๆในหมู่ผู้รู้ในการเห็นชอบให้กระทำสิ่งดังกล่าว””المغني” (1/591)

และส่วนหนึ่งจากสิ่งดังกล่าวนี้ คือ เมื่อมุอัซซินกล่าวในอาซานละหมาดซุบฮิว่า “อัศศ่อลาตุคอยรุมมินั้ลเนาวมฺ” ก็มีการเห็นชอบให้ผู้ที่ได้ยินนั้นกล่าวตามเขา คือให้ผู้ที่ได้ยินกล่าวว่า “อัศศ่อลาตุคอยรุมมินั้ลเนาวมฺ”

ท่านชัยคฺอิบนุอุษัยมีน رحمه الله ได้กล่าวว่า : “ที่ถูกต้อง คือ การกล่าวเหมือนกับที่เขา(มุอัซซิน)กล่าว (ซึ่งก็คือ) “อัศศ่อลาตุคอยรุมมินั้ลเนาวมฺ” เพราะว่าท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า :

“เมื่อพวกท่านทั้งหลายได้ยินมุอัซซิน(กำลังทำการอาซาน) พวกท่านก็จงกล่าวเหมือนกับที่เขากล่าว” “الشرح الممتع” (2/84)

และบรรดานักวิชาการฟิกฮฺของมัซฮับมาลิกีบางส่วนก็มีทรรศนะเช่นนี้ ดูหนังสือ : 2/372 : الموسوعة الفقهية

ส่วนที่บรรดานักวิชาการฟิกฮฺบางส่วนเห็นชอบให้กล่าวว่า “ศ่อดั๊กต้า ว่าบ่ะร็อรต้า”(หมายความว่า – ท่านพูดจริงแล้ว ท่านทำดีแล้ว) มันไม่มีหลักฐานบ่งชี้ให้กล่าวเช่นนี้ และมันก็ขัดกับภาพรวมของหะดีษที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ซึ่งก็คือ

“พวกท่านก็จงกล่าวเหมือนกับที่เขากล่าว” และหลักเดิมๆของเรื่องอิบาดะฮฺนั้นก็คือเป็นที่ต้องห้ามจนกว่าจะมีหลักฐานมายืนยัน ท่านอิมามอัลฮาฟิซ อิบนุหะญัร رحمه الله ได้กล่าวว่า :

ไม่มีที่มาที่ไปสำหรับสิ่งที่เขากล่าวตอบรับ”อัศศ่อลาตุคอยรุมมินั้ลเนาวมฺ”

“التلخيص الحبير” (1/378) และท่านอิมามอัศศอนอานียฺ رحمه الله ได้กล่าวว่า :

“และได้ถูกกล่าวว่า : การที่เขากล่าวตอบรับการตัษวีบ(การที่มุอัซซินกล่าวว่า”อัศศ่อลาตุคอยรุมมินั้ลเนาวมฺ” ว่า

“ศ่อดั๊กต้า ว่าบ่ะร็อรต้า” คำกล่าวตอบรับนี้มันเป็นการเห็นว่าดีของตัวผู้พูดเอง หากเสียแต่ว่ามันไม่มีซุนนะฮฺรองรับคำกล่าวนี้””سبل السلام” (1/190)

ท่านชัยคฺอิบนุอุษัยมีนได้กล่าวว่า : “และหากมีผู้กล่าวว่า : คำว่า “อัศศ่อลาตุคอยรุมมินั้ลเนาวมฺ”(การละหมาดนั้นดีกว่าการนอน) ไม่เป็นจริงหรอกหรือ ? เราขอกล่าวว่า :

“ใช่ มันเป็นความจริง และคำกล่าวที่ว่า “อัลลอฮุอักบัร” ก็เป็นความจริง และคำกล่าวที่ว่า “ลาอิลาฮ่าอิ้ลลั้ลลอฮฺ” ก็เป็นความจริง แล้วท่านกล่าวไหมล่ะว่า “ศ่อดั๊กต้า ว่าบ่ะร็อรต้า”(หมายความว่า

– ท่านพูดจริงแล้ว ท่านทำดีแล้ว)ในขณะที่มุอัซซินกล่าวว่า “อัลลออฮุอักบัร” ? ท่านก็ไม่ได้กล่าวเช่นนั้น ฉะนั้นเมื่อมุอัซซินกล่าวว่า

“อัศศ่อลาตุคอยรุมมินั้ลเนาวมฺ” ท่านก็จงกล่าวเหมือนกับที่เขากล่าว เช่นนี้แหละคือภาพรวมของคำสั่งของท่านนบี(ซ.ล.)”

“مجموع فتاوى الشيخ ابن عثيمين” (12/195)

วั้ลลอฮุอะอฺลัม

ขอขอบคุณข้อมูล: อิสลามตามแบบฉบับ

islamhouse.muslimthaipost.com